“เพื่อไทย” ห่วง “ประยุทธ์” คุมโควิดไม่อยู่ เจ็บตายพุ่ง ระบบสาธารณสุขล้มเหลว เศรษฐกิจพังยับ ไทยหมดอนาคตจนต้องชวนกันย้ายประเทศ
(5 พฤษภาคม 2564) นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาล โดยมี ครม. เข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงอโคจรแต่กลับไม่มีการลงโทษ สถานการณ์จะยิ่งทวีรุนแรง และ สภาวะเศรษฐกิจจะยิ่งทรุดหนัก โดยแนะนำให้พลเอกประยุทธ์เตรียมรับมือและเร่งแก้ไข แต่ปรากฏว่าพลเอกประยุทธ์กลับยิ่งบริหารยิ่งล้มเหลว สถานการณ์การระบาดทำท่าจะรุนแรงจนพลเอกประยุทธ์น่าจะเอาไม่อยู่แล้ว คลาสเตอร์คลองเตยน่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้อีกมากโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่มีการระบาดมากที่สุด สืบต่อเนื่องมาจากคลาสเตอร์ทองหล่อที่ ครม. ไปเกี่ยวข้องจนเป็นที่พูดกันจนติดปากว่า ทองแท้แพ้ทองหล่อ
ที่น่าห่วงที่สุดคือสถานการณ์ทางด้านสาธารณสุข เพราะผู้ติดเชื้อยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวันวันละหลายสิบคนและทำท่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ห้องไอซียู และเตียงรักษาผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลต่างๆ ได้เต็มกันหมด จนล้นแล้ว แต่ผู้ติดเชื้อยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และผู้ติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นวิกฤติจะมีเพิ่มขึ้นทุกวันจนโรงพยาบาลจะไม่สามารถรับได้แล้ว น่าห่วงว่าสถานการณ์จะเป็นเหมือนประเทศอิตาลีช่วงที่มีการระบาดมากๆ ซึ่งต้องมีการปล่อยให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตโดยไม่สามารถช่วยเหลือได้เพราะระบบสาธารณสุขล้มเหลวไม่สามารถรองรับผู้ติดเชื้ออาการหนักได้อีก ซึ่งจะสร้างความโกรธแค้นให้กับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตและประชาชนทั่วไปอย่างมาก น่าห่วงว่าสถานการณ์ดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นกับไทยถ้าพลเอกประยุทธ์ ยังบริหารล้มเหลวอยู่แบบนี้
การจัดการเรื่องวัคซีนยังเป็นความล้มเหลวซ้ำซ้อน ประชาชนจำนวนมากอยากฉีดวัคซีนแต่ยังไม่ทราบเลยว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนเมื่อไหร่ ได้ยินแต่คำว่า “กำลังจะมา” เท่านั้น ถึงขนาดมีทัวร์จัดไปฉีดวัคซีนกันในต่างประเทศกันแล้ว และมีคนไทยแห่กันไปจองมาก พิสูจน์ถึงความล้มเหลวของรัฐบาลได้อย่างชัดเจน ขนาดเอกชนจะขอนำเข้าวัคซีนเองยังโดนขัดขวาง หอการค้าไทยต้องออกมาเข้าเกียร์ถอย หลังจากถูกรัฐบาลสั่งห้ามตามที่มีสื่อเปิดเผย แต่ตนในฐานะที่เคยเป็นรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมก่อนเข้าสู่การเมือง ต้องขอชื่นชมและให้กำลังใจสภาอุตสาหกรรมที่ยังยืนยันจะนำเข้าวัคซีนมาให้ได้ วัคซีนมีเหลือดีกว่าขาด แต่ทราบมาว่าได้มีการติดต่อไปหลายยี่ห้อแล้ว แต่ยังติดปัญหาที่ อย. ยังไม่ยอมอนุมัติ ดังนั้นจึงอยากขอให้ภาครัฐอย่าทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางการนำเข้าวัคซีนของเอกชน โดยในภาวะที่ภาครัฐล้มเหลว ภาคเอกชนจะต้องทำหน้าที่แทน มิเช่นนั้นประเทศจะยิ่งล้มเหลวทุกด้าน
ความล้มเหลวในเรื่องวัคซีน และความล้มเหลวในการควบคุมการระบาดของไวรัสภายใต้การบริหารของพลเอกประยุทธ์ นอกจากจะทำให้ระบบสาธารณสุขล่มแล้ว ยังทำให้ระบบเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งทรุดหนักกว่าเดิมมาก คนยิ่งลำบากกันอย่างมาก ความเสียหายทางเศรษฐกิจในรอบนี้จะทรุดหนักมาก มีการประเมินแล้วว่าจะเสียหายถึงกว่า 450,000 ล้านบาท และอาจสูงกว่านี้หากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเร็ววัน เรียกได้ว่าคนก็ป่วย เศรษฐกิจก็ยิ่งป่วยหนัก ดังนั้น จากความล้มเหลวในการบริหารวัคซีน และการควบคุมการระบาดที่จะมีคนป่วยคนตายเป็นจำนวนมากนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการยื่นถอดถอนพลเอกประยุทธ์ จากความล้มเหลวในการบริหารในเร็วๆนี้ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากจะทนกับผู้นำที่ขาดความรู้ความสามารถอีกต่อไปแล้ว
นอกจากจะมีการแห่กันเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปฉีดวัคซีนกันแล้ว ยังปรากฏว่ามีการชวนกันย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันเลยแล้ว โดยมีเพจ “ย้ายประเทศกันเถอะ” มีคนเข้าร่วมกว่า 7 แสนคนแล้ว ยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ ถึงขนาดที่มีคนจำนวนมากอยากย้ายประเทศกันแล้ว ทั้งที่หลักคิดที่ถูกต้องคือประเทศไทยต้องเปิดกว้างให้คนเก่ง คนฉลาด เข้ามาทำงาน และเข้ามาอยู่ เพื่อช่วยพัฒนาประเทศ โดยในโลกสมัยใหม่คนฉลาดคนเก่งหนึ่งคนจะสร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศได้มาก แต่ตอนนี้คนเก่งและคนฉลาดของไทยกลับจะอยากย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันแล้ว อนาคตประเทศไทยจะพัฒนาต่อไปได้อย่างไร โดยประเทศสวีเดนและประเทศออสเตรเลียได้ประกาศยินดีต้อนรับคนไทยที่มีความรู้ความสามารถให้ไปอยู่ในประเทศของเขาแล้ว นับเป็นความน่าอับอายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อย่างมาก ทั้งนี้ เรื่องนี้และอีกหลายเรื่อง พลเอกประยุทธ์ น่าจะต้องเปิดใจรับฟังและเรียนรู้จากคุณ Tony ใน Clubhouse เพื่อปรับปรุงวิสัยทัศน์ของตนเองให้ทันโลกได้บ้าง ประเทศจะได้ไม่ล้าหลังเหมือนในปัจจุบันและจะได้ไม่ตกเทรนด์ เพราะตอนนี้มีประชาชนคอยตามฟังและตามดูเป็นแสนเป็นล้านคนแล้ว
หากพิจารณาให้ดี จะพบเลยว่าพลเอกประยุทธ์ มีปัญหาในการบริหารประเทศมาตลอด แต่ในอดีตยังไม่ได้เผชิญกับวิกฤติการณ์ ปัญหาในด้านต่างๆ จึงได้หลบซ่อนอยู่ และพอจะถูๆไถๆกันไปได้ แต่พอมาเจอกับวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด ปัญหาทุกด้านจึงได้โผล่ขึ้นมาพร้อมๆกัน เพราะความด้อยประสิทธิภาพที่บริหารล้มเหลว ทำประเทศอ่อนแอและเสื่อมถอยมาตลอด ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ จึงต้องรู้ตัวเองได้แล้ว และควรเร่งเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อนเดือนละ 5000 บาท 3 เดือนโดยต้องเป็นเงินสด อีกทั้งต้องเร่งช่วยเหลือ SMEs โดยการหยุดดอกเบี้ย และหยุดเงินต้น ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้เสนอมาตลอดได้แล้ว เพื่อประคองให้ประชาชนสามารถประคองชีวิตต่อไปได้ และธุรกิจไม่ต้องเจ๊งไม่ต้องปิดตัวและพร้อมจะกลับมาดำเนินการใหม่เมื่อมีการฉีดวัคซีนครบแล้ว เสร็จแล้วพลเอกประยุทธ์ ควรจะออกไปได้แล้ว เพราะไม่เหลือความน่าเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะได้เดินต่อไปได้ คนไทยจะได้ไม่ต้องแห่กันอยากไปอยู่ต่างประเทศเหมือนในปัจจุบัน