(5 พฤษภาคม 2564) ดร.ลีลาวดี วัชโรบล อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องประชาชน และนำสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นไปมอบให้แก่พี่น้องที่กักตัวอยู่ในบ้าน ตามมาตรการด้านสาธารณสุข ในเขตพระนคร เขตสัมพันธวงศ์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตดุสิต พบปัญหาว่าพี่น้องประชาชนกลัวและรังเกียจผู้กักตัวอยู่ในบ้านตามมาตรการทางสาธารณสุข ซึ่งเริ่มพบเห็นความรุนแรงมากขึ้นในชุมชน ต้องยอมรับความจริงว่า ผู้ที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้านนั้นมีทั้งผู้ที่มีอาการป่วย ผู้ยังไม่มีอาการป่วย และตลอดจนถึงสมาชิกในครอบครัวที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมบ้าน เมื่อมีสมาชิกในบ้านถูกกักตัว เขาเคยทำงานมีรายได้ แต่ถูกกักตัวในบ้านโดยที่ไม่มีมาตรการรัฐรองรับหรือช่วยเหลือเป็นรูปธรรม จากการบอกเล่าของผู้กักตัวขณะที่นำกล่องยังชีพของพรรคเพื่อไทยไปมอบ พบว่ามีการพูดจาขับไล่คนที่ถูกกักตัวอยู่ในบ้าน ไม่ให้ออกมาจากบ้านซื้ออาหารซื้อน้ำเลย ซึ่งดิฉันก็สงสารและตั้งคำถามว่า เมื่อประชาชนต้องกักตัวเองแล้ว รัฐมีมาตรการอะไรออกมาช่วยเหลือเขาเพื่อไม่ให้เขาต้องเดือดร้อน

ดร.ลีลาวดี กล่าวต่อว่า รัฐต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมมากกว่าแค่สั่งให้เขากักตัวอยู่ในบ้าน “ดิฉันเคยถามหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานว่ามีมาตรการช่วยเหลือผู้ต้องกักตัวอย่างไร เพราะเขาเหล่านั้นจะกินอะไรจะอยู่อย่างไรเดือดร้อนมาก หน่วยงานภาครัฐบอกดิฉันว่าไม่ใช่หน้าที่เขา ซึ่งดิฉันมองว่านี่คือการทอดทิ้งประชาชนตามยถากรรม ดิฉันจึงมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลคือใครตรวจพบเชื้อต้องกักตัว ให้มอบเงินไว้ใช้จ่ายจำเป็นทันที 5 พันบาท เพื่อใช้จ่ายช่วงกักตัวในบ้าน”

ขณะเดียวกัน ในชุมชนควรได้รับความรู้เรื่องการป้องกันตัว เพื่อลดความกลัว และสร้างความเมตตา ความเข้าใจร่วมกันว่า ผู้ติดเชื้อไม่ใช่ผู้น่ารังเกียจ แต่เราควรแบ่งปันน้ำใจให้เขา ถ้าผู้ติดเชื้อเป็นเพื่อนบ้านเรา การพบเจอ การใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างทางสังคม การแบ่งปันเอาอาหารไปแขวนไว้หน้าบ้าน พูดให้กำลังใจกันจะเป็นเกราะปกป้องที่ดีให้คนในชุมชนเดียวกันให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน ดร.ลีลาวดี กล่าว