“ธีรรัตน์” หวั่น กทม. ปล่อยให้กลุ่มเสี่ยงโควิด-19 เดินทางไปตรวจรักษาเอง ยิ่งเปิดช่องระบาดเพิ่ม จี้เร่งแก้ปัญหา ก่อนประชาชนต้องกลายเป็นผู้รับเคราะห์ซ้ำซาก
ดร.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย จัดหารถรับส่งประชาชนในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจากที่พักไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้ได้รับการตรวจรักษาโควิด-19 ตามขั้นตอน หวังที่จะช่วยปิดช่องทางการแพร่ระบาด หลังกรุงเทพมหานครเปลี่ยนวิธีปฏิบัติจากเดิมที่ส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บสารคัดหลั่งที่บ้านของกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเป็นให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเดินทางไปยังโรงพยาบาลหรือจุดที่กำหนดให้ด้วยตัวเองเพื่อเก็บสารคัดหลั่ง ซึ่งเรื่องนี้ ดร.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กังวลใจกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบริหารจัดการของกรุงเทพมหานคร ที่อาจทำให้เกิดช่องว่างของการแพร่ระบาดโรค กลายเป็นคลัสเตอร์กลุ่มเสี่ยงสูง ซ้ำเติมสถานการณ์ในปัจจุบัน
โดย ดร.ธีรรัตน์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ระบุว่า พื้นที่กรุงเทพมหานครมีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงสูง ที่อยู่ระหว่างกักตัว จากเดิมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะไปที่บ้านหลังนั้นๆ เพื่อทำการเก็บสารคัดหลั่ง (swab) เปลี่ยนเป็นเจ้าหน้าที่จะโทรศัพท์ไปแจ้งกลุ่มเสี่ยงให้เดินทางไปยังสถานที่ที่กำหนดเพื่อทำการ swab พร้อมกัน ซึ่งได้สอบถามย้ำกับประชาชนที่ประสานขอความช่วยเหลือเข้ามาว่าโรงพยาบาลแจ้งให้เดินทางไปเองใช่หรือไม่ โดยทุกคนยืนยันขั้นตอนตามที่ได้แจ้งไปข้างต้น ทำให้ขณะนี้มีผู้ติดต่อขอรถรับส่งเข้ามาพอสมควร
ดร.ธีรรัตน์ ระบุว่า ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบปัญหา แต่ก็เป็นห่วงว่า กรณีที่กรุงเทพมหานคร เปลี่ยนนโยบายการบริหารจัดการนี้ ในพื้นที่ที่ไม่มีรถบริการจะเกิดปัญหากับพี่น้องประชาชนอย่างไร ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะต้องทำอย่างไร หากจะโดยสารรถขนส่งสาธารณะก็อาจทำให้เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้นและอาจลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมาได้ จึงอยากให้กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เช่น การจัดหารถรับส่งกลุ่มเสี่ยงสูงที่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล หรือการส่งเจ้าหน้าที่ไป swab ที่บ้านกลุ่มเสี่ยงสูง เพื่อลดการเดินทางปะปนในที่สาธารณะและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด
ดร.ธีรรัตน์ ระบุอีกว่า กทม.ไม่ควรทำให้ปัญหาความไม่ลงรอยกันทางการเมืองที่หวังผลไปถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาทำให้พี่น้องประชาชนต้องเป็นผู้รับเคราะห์ หากยังทำงานประสานความร่วมมือกันไม่มีประสิทธิภาพ ผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือประชาชนซึ่งน่าสงสารที่สุด