“วิสาร” แนะจับตา “เงินกู้ 7 แสนล้าน” หวั่นสูญเปล่า ย้ำฝ่ายค้านไม่รับร่างฯงบปี 65 เหตุไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาโควิด-19

(20 พฤษภาคม 2564) นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลจะนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 3.1 ล้านล้านบาทเข้าสู่ที่ประชุมรัฐภาเพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้


จากการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณที่รัฐบาลจัดทำ ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมสภา พรรคเพื่อไทยมีความเห็นตรงกันว่า จะไม่รับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2565 เพราะเป็นการจัดงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ การอ้างว่าจัดทำงบประมาณเกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโควิดรอบ 3 เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อหาทางออกของรัฐบาล ในขณะที่ความเป็นจริง รัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการทหารมากกว่าความมั่นคงทางด้านสาธารณสุข ในสภาวะโรคระบาดเช่นนี้ รัฐบาลกลับเห็นการซื้ออาวุธจำเป็นมากกว่าการรักษาชีวิตคน ซึ่งพรรคการเมืองฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าจะลงมติไม่รับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 อย่างแน่นอน

นายวิสาร กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้รัฐบาลออกร่าง พระราชกำหนดหรือ พ.ร.ก.กู้เงิน ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 พ.ศ…. วงเงินไม่เกิน 7 แสนล้านบาท


ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตามพระราชกำหนด พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะกู้เงินเพิ่มขึ้น เพราะเงินกู้ 1.9 ล้านล้านที่ผ่านมา ที่อ้างว่าจะนำไปฟื้นฟูประเทศและช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผลที่ออกมาคือการตรวจสอบการใช้เงินกู้ของรัฐบาลทำได้ยากมาก และการใช้เงินกู้ที่ผ่านมาไม่ช่วยให้ประเทศฟื้นตัว นอกจากนี้เกิดปัญหาคอร์รัปชั่น เงินกู้ส่วนใหญ่ถูกใช้ เพื่อนำไปสร้างฐานการเมืองของรัฐบาล นอกจากนี้รัฐบาลเปิดโอกาสให้นายทุนและเจ้าสัวเข้าถึงเงินกู้ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก กลับเข้าไม่ถึงเงินกู้ดังกล่าว การมาขอกู้เพิ่มหวั่นใจว่ารัฐบาลจะนำเงินกู้ไปหาประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงใจ