“จิราพร สินธุไพร” เข้าชิงรางวัล Woman of the Future ประจำปี 2564 เพื่อไทยขอคนไทยร่วมเชียร์

(21 พฤษภาคม 2564) นางนลินี ทวีสิน ประธานคณะกรรมการด้านการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมการด้านการต่างประเทศ ได้เสนอชื่อนางสาวจิราพร สินธุไพร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดร้อยเอ็ดเข้าชิงรางวัล “ผู้หญิงแห่งอนาคต” ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2564 (Woman of the Future Award Southeast Asian 2021) โดยล่าสุดนางสาวจิราพร ได้ผ่านเข้ารอบคัดเลือกเพื่อชิงรางวัลดังกล่าวแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีและเป็นอีกก้าวหนึ่งของ ส.ส.หญิงรุ่นใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีความสามารถจนได้เข้าชิงรางวัลด้านสาขาอาชีพในเวทีระดับโลก เพราะนางสาวจิราพร อาสาเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อรับใช้พี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ดและคนไทยทั้งประเทศ มีความมุ่งมั่นทุ่มเทที่จะสานต่อการต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยของผู้เป็นพ่อ จนได้รับชัยชนะในเขตเลือกตั้งด้วยคะแนนที่ท่วมท้น อีกทั้งที่ผ่านมาได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานผ่านระบบรัฐสภาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการร่างรัฐธรรมนูญและด้านเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองต้องการสนับสนุนผู้นำสตรีรุ่นใหม่ให้สามารถพัฒนาศักยภาพและมีบทบาทในประเทศและเวทีโลกมากขึ้น เพราะเชื่อว่าเมื่อผู้หญิงร่วมมือกันจะเป็นพลังอันแข็งแกร่งในการสร้างสรรค์วันพรุ่งนี้ที่ดียิ่งขึ้นได้

สำหรับรางวัลผู้หญิงแห่งอนาคต ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2564 (Woman of the Future Award Southeast Asian 2021) จัดขึ้นเพื่อมอบรางวัลให้กับผู้นำหญิงรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในหลากหลายสาขา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างแรงบันดาลให้เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้หญิงในการพัฒนาศักยภาพตนเองให้ขึ้นมาเป็นผู้นำในรุ่นต่อไป ก่อตั้งโดยนางพิงกี้ ลีลานี่ (Pinky Lilani) นักเขียนชื่อดังและนักเคลื่อนไหวผู้สนับสนุนผู้หญิงในประเทศอังกฤษและหลายภูมิภาคทั่วโลก

นางนลินี กล่าวว่า ปีนี้มีตัวแทนจากประเทศไทยผ่านการคัดเลือกเพียง 2 คนในสาขาวิชาชีพ (Professions) อายุไม่เกิน 35 ปี คือ นางสาวจิราพร สินธุไพร และนางสาวบุษยา ภาศรีสมพงษ์ นักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศจากประเทศไทย โดยการประกาศรางวัลจะจัดขึ้นช่วงปลายปี 2564 ซึ่งหวังว่าจะมีข่าวดีสำหรับประเทศไทยเป็นครั้งแรก