นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ประกาศปูพรมฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ว่า สถานการณ์เป็นแบบเดียวกับประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทำงานแบบไม่ฉุกเฉิน ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ แต่ปูพรมฉีดได้วันเดียว รุ่งขึ้นอีกวันต้องเก็บพรมเพราะวัคซีนหมด คนไทยได้ฉีดวัคซีนแค่ 5–6 เปอร์เซ็นต์ จากที่ประกาศตั้งเป้าจะเร่งฉีดให้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ของประชากร 65 ล้านคน แทนที่จะตั้งกรรมการสอบโรงพยาบาลที่ประกาศเลื่อนฉีดวัคซีน ควรตั้งกรรมการสอบการจัดหาวัคซีนที่ล่าช้าแทงม้าตัวเดียว โรงพยาบาลอยู่หน้างานเผชิญเสียงด่าจากประชาชนโดยตรง ได้วัคซีนมาแค่ 10 โดส จะฉีดอย่างไรให้สมกับการที่รัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ สารภาพแล้วว่าการเป็นนายกฯไม่ใช่งานง่าย โดยเฉพาะสถานการณ์วิกฤตจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนต้องเอ่ยปากขอโทษประชาชน 2–3 รอบ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จะรอยุบสภาเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นคงต้องรออีกนาน เพราะการแก้วิกฤตไม่ใช่แค่ฉีดวัคซีนได้ 70 เปอร์เซ็นต์ แล้วปัญหาจะจบ ยังมีโจทย์หินงานยากฟื้นฟูเศรษฐกิจรออยู่ เงินกู้ 1 ล้านล้าน หมดไปโดยแทบไม่สามารถจับต้องอะไรได้ เงินกู้ 5 แสนล้านก็จะมีโอกาสซ้ำรอยตำน้ำพริกละลายแม่น้ำสูง ไม่สามารถเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ เพราะประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า แต่รัฐบาลเยียวยาแบบชิงโชค พล.อ.ประยุทธ์ อาจเข้าใจผิดว่าที่อยู่มาได้7ปีเพราะอดทนสูง จะหวานอมขมกลืนแค่ไหน ก็ทู่ซี้สืบทอดอำนาจต่อไปเรื่อยๆ

“ไม่ไหวก็ลาออก ถ้ามั่นใจว่าจะได้กลับมา ก็รีบยุบสภาเลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนตัดสินใจ” นายอนุสรณ์ กล่าว