นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การมหาชนและกองทุนกล่าวว่า ตนจะขอเข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องที่ กมธ.สอบพบหน่วยงานราชการหลายแห่งที่สมคบคิดกัน โดยใช้กฎหมายเอื้อประโยชน์ในการดำเนินโครงการ เคหะสุขประชา ที่อ้างว่าจะช่วยประชาชนช่วงโควิด กว่า 1 แสนหน่วย มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท โดยข้าราชการระดับสูงและระดับกระทรวงกลับไม่ยอมให้ข้อมูลความเป็นจริงที่ครบถ้วนรอบด้านให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งคิดว่าถ้านายกรัฐมนตรีทราบข้อมูลก็คงจะถึงบางอ้อและถึงกับอึ้ง และคงไม่อยากไปเปิดงานให้แน่ ซึ่งนอกจากนำเรียนนายกรัฐมนตรีแล้วคณะกรรมาธิการจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ปปช.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตภาครัฐ ปปท.และอัยการสูงสุด เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป

นายจิรายุ กล่าวอีกว่ากรณีที่ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติออกมาตอบโต้ตนว่าการทำโครงการเคหะบ้านสุขประชาจำนวน 1แสนหน่วยเพื่อช่วยเหลือโควิด โดยโปร่งใสนั้น เป็นเรื่องที่ท่านต้องตอบ และกว่าจะสร้างเสร็จครบก็ 6-7 ปี ตอนนั้น โควิดเป็นอย่างไร ชาวบ้านหรือใครกันแน่ ได้ผลประโยชน์

ตนอยากให้ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติเอาเวลาตอบโต้ผ่านสื่อไปเตรียมเอกสารชี้แจงข้อมูลกับปปช.ปปท.และนายกรัฐมนตรีจะดีกว่า เพราะเรื่องดังกล่าวนี้ ไม่มีใครนั่งเทียนเขียนได้เพราะเป็นการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการอย่างรอบคอบรัดกุม ที่สำคัญ ไม่มีควันก็ย่อมไม่มีไฟ

ทั้งนี้ตนได้เตรียมเอกสารเพื่อยื่นให้กับนายกรัฐมนตรีจะได้ตาสว่าง จะได้รู้ทันว่าเขาทำอะไรกัน และคนอย่างจิรายุ จะกล่าวหาหรือทำสำนวนคำฟ้องใดๆต้องมีพยานหลักฐานรัดกุม นายจิรายุ กล่าว