วันที่ 30 มิถุนายน นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เสียดายโอกาสคนไทยต้องทนเผชิญกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพในการดูแลประชาชนยามวิกฤติ มีกฎหมายควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยามฉุกเฉินกลับช่วยประชาชนไม่ทันการณ์ แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ลักปิดลักเปิด ต้องคอยให้พี่โทนี่ต้องมาสอนน้องหาทางออกให้ประเทศ แต่น้องดื้อไม่ยอมทำตาม ประเทศและประชาชนต้องเจอสภาพเจ็บเกินเยียวยานับถอยหลังรอวันตาย

“มีคนถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหมและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เจอการระบาดโควิด-19 นอกเหนือจากการสั่งปิดสถานที่ต่างๆ กับการแจกเงิน คิดทำอย่างอื่นเป็นไหม ทำไมประชาชนต้องอยู่กับความเสี่ยงป่วยขาดเตียงเสี่ยงตายรายวันแบบนี้ แล้วยังต้องมาถูกตัดการทำมาหากินแบบไร้แผนรองรับ หนี้สินล้นพ้นตัว ทำไมวัคซีนดีๆ มีประสิทธิภาพสูงๆ ประชาชนไม่มีโอกาสเข้าถึง มีโรงงานผลิตวัคซีนในประเทศแต่กลับต้องรอรับการบริจาคจากประเทศอื่น จนเมื่อคืนที่ผ่านมาพี่โทนี่ ออกมาสอนน้องในห้องคลับเฮ้าส์ หลังพล.อ.ประยุทธ์ ประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่าพังพินาศกันไปใหญ่ เจ็บได้แต่ไม่จบ ล็อกดาวน์ไปทำไม ถ้าไม่ตรวจเชิงรุก เงินกู้มาเยอะแยะ ทำไมไม่ซื้อวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน คิดวิธีว่าเราจะอยู่กับมันได้อย่างไร สู้อย่างไรกับโรคและเศรษฐกิจที่อยู่ในสภาพตายผ่อนส่ง หัวใจต้องรักประชาชน ต้องมีเมตตาธรรม ถ้าไม่รักก็จะมองเขาเป็นปัญหาหมด เขาไม่ใช่พลทหาร ขนาดวัวในฟาร์ม เจ้าของยังเลือกวัคซีนฉีดให้ ทะลุทุกมิติจริงๆ

นส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่าหันกลับมาดูพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีการโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ว่าห่วงพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีวันใดที่ผม จะไม่คิดหาหนทางเพื่อจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อ่านมาถึงข้อความนี้แล้วสะเทือนใจ มันสวนทางกับความจริงที่ประชาชนคนไทยต้องเผชิญกับโควิด-19 มาปีกว่า ขาดการเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ข้อมูลระดับโลกหลายแห่งระบุตรงกันว่าวัคซีนชิโนแวคมีประสิทธิภาพต่ำแต่กลับซื้อมาในราคาที่สูงกว่าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ขาดเตียงรองรับการเจ็บป่วย ปล่อยคนตายรายวัน คนไม่ป่วยด้วยโรคร้ายก็ป่วยด้วยโรคทรัพย์จางจนหมดตัว ถ้าเจ็บแล้วจบมันจบตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่นี่มันเจ็บ เจ็บและเจ็บอย่างทรมานไม่มีทางจบ เพราะมีแต่คำสั่งให้ปิดแต่ไม่มีทางออกให้เห็นเลยว่าปิดแล้วยังไงจะไปทางไหนต่อ ดูแค่เดือนกรกฎาคมนี้ก็พอ กับชีวิตที่ไร้ความหวังประคองชีวิตให้รอดไปวันๆ

“ตรงกับที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ ที่ออกมาตั้งฉายาพล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็น “ผู้นำพิการทางความคิด” ที่ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำคนลำบากเลือดตาแทบกระเด็น มองไม่เห็นหนทางแก้ไขของรัฐบาล คิดอะไรมาก็ล้มเหลวหมด ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง คิดอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ชู 2 นิ้ว ในขณะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนกันอย่างแสนสาหัส อีกทั้งพล.อ.ประยุทธ์ ยังทำให้คำว่า “นะจ๊ะ” จนติดอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่มีผู้นำประเทศไหนทำได้ แต่พล.อ.ประยุทธ์ทำได้ นี่เราย้อนไปอยู่ในยุคไหนกัน ยุคที่ประชาชนต้องทนทุกสภาพและต้องยืนอยู่ระหว่างขาข้างหนึ่งอยู่กับความตายและขาอีกข้างหนึ่งอยู่ในสภาพร่อแร่เกือบตาย ฝากความหวังกับผู้นำและรัฐบาลไม่ได้

“เสียงเรียกร้องของคนไทยต้องการวัคซีนคุณภาพสูงชนิด mRNA อย่างไฟเซอร์ โมเเดอร์น่า ขณะที่ประเทศเผชิญศึกสงครามอย่างอิสราเอลมีประชากรเพียงแค่ 8 ล้านกว่าคนเขาสามารถถึงวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงที่คนไทยอยากได้ เขาฉีดวัคซีนให้ประชากรเขาได้ถึง 5.5 ล้านคน จนวัคซีนที่มีอยู่ในอิสราเอลถึงล้านกว่าโดสที่เขาจะต้องเอาทิ้งหรือหาประเทศอื่นมาซื้อต่อก่อนวัคซีนจะหมดอายุ แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใหญ่กว่าประชากรมากกว่าเวลานี้เข้าไม่ถึงวัคซีนไฟเซอร์ไม่ได้เลยสักโดส น่าสงสารคนไทย และตอนนี้วัคซีนสำหรับเด็กยังไม่มี เจอสภาวะวิกฤติในเด็กที่ยังไม่มีอะไรมารองรับความปลอดภัยในเด็กได้เลย นี่หรือจะเปิดประเทศเปิดเทอมให้นักเรียนไปโรงเรียนยังไม่สามารถทำได้เลย ใครจะลำบากก็ลำบากไป ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ต้องห่วงอะไร แล้วใช่หรือไม่ ก่อนหน้านี้ที่ใครก็ไล่ให้ไปเลี้ยงหลานปล่อยการบริหารให้เป็นหน้าที่คนอื่น ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนเป็นให้หลานเลี้ยงแทนเพราะลูกของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา หลานชายพล.อ.ประยุทธ์ รวยเหลือเกิน ได้งานประมูลรัฐสูงมากคู่สัญญารัฐรวม 767 ล้านบาท สงสัยกันว่าถ้าไม่ใช่หลานประยุทธ์ จะได้งานยอดเงินขนาดนี้หรือไม่ หรือเพราะเหตุนี้จึงทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ทนทานได้ทุกสภาวะ และนะจ๊ะได้อยู่ เลยทานทนกับการที่ประชาชนมาไล่ และยอมทนไม่ยอมลาออก แม้ว่าเวลานี้ประชาชนจะลำบากถึงที่สุดก็ตาม สุดยอดผู้นำไทย น้ำตาประชาชนที่ตกในกับความสบายของท่านมันเทียบกันไม่ได้จริงๆ “ นางสาวตรีชฎา กล่าว