ผู้ป่วยโควิดอาการหนัก นอนรอเตียง 6 วัน ยังไม่ได้รับการรักษา “ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เพื่อไทย” โวย รัฐบาล-สธ. ไม่ใส่ใจเร่งแก้ปัญหา ยังปล่อยให้เกิดความล่าช้า จนประชาชนต้องมารับกรรม
นายเมธา ขำโสภา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในช่วงสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 พบปัญหาระบบการส่งตัวผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีปัญหาซ้ำซ้อนไม่ประสานงานกันระหว่างศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข จนสร้างความสับสนให้ผู้ป่วยและจนทำให้ผู้ป่วยอาจไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที รวมทั้งยังไม่มีแผนรองรับการแก้ไขสถานการณ์
นายเมธา กล่าวว่า ระหว่างลงพื้นที่ได้รับแจ้งว่า สามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชุมชนคลองมหานาค เขตป้อมปราบฯ ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และกักตัวอยู่ภายในบ้านพักเพื่อรอคิวเข้ารักษาในโรงพยาบาล มาแล้ว 6 วัน โดยฝ่ายสามีมีอาการป่วยหนักมากขึ้น จนเพื่อนบ้านต้องไปขอยืมเครื่องออกซิเจนจากศูนย์โควิดชุมชนมัสยิดมหานาคมาให้ใช้ระหว่างรอการรับตัว
กระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 30 มิถุนายน ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ของศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิดว่าจะมารับตัวผู้ป่วยทั้งสองคนไปรับการรักษา ในช่วงเวลา 20.00 น. แต่สุดท้ายรอจนเวลา 21.30 น. ก็ยังไม่มีรถพยาบาลมารับผู้ป่วย เมื่อตรวจสอบก็พบปัญหาการประสานงานต่างๆ โดยเฉพาะระหว่างศูนย์แรกรับและส่งตัวผู้ป่วยโควิดกับโรงพยาบาลที่จะนำตัวผู้ป่วยไปรักษา ตนจึงพยายามประสานงานต่อเพื่อให้ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการรักษา แต่รอจนกระทั่งเที่ยงคืนก็ยังไม่มีรถพยาบาลมารับ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นปัญหาอย่างชัดเจนว่า ภาครัฐมีความไม่พร้อมในหลายจุด ซึ่งระดับนโยบายจะต้องเร่งแก้ไข ไม่ใช่เพิกเฉยปล่อยให้เจ้าหน้าที่แบกรับภาระปัญหาเหล่านี้กันเอง ซึ่งเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว แต่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ดูเหมือนจะยังไม่ได้มีมาตรการแก้ไขที่ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที สุดท้ายประชาชนต้องกลายเป็นผู้รับกรรม ได้รับการรักษาล่าช้า จะต้องเจ็บป่วยหนัก หรือบางรายอาจถึงขั้นต้องเสียชีวิต” นายเมธากล่าว
บทความที่เกี่ยวข้อง
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบน x ตั้งคำถามถึง MOU แร่แรร์เอิร์ธ ที่รัฐบาลไทย ไปลงนามกับสหรัฐฯ โดยมีข้อกังวลว่าไทยได้ประโยชน์อะไรจาก MOU ฉบับนี้ พร้อมชี้ให้เห็นว่า การไปลงนาม MOU ดังกล่าวโดยไม่ผ่านคณะรัฐมนตรีหรือรัฐสภาก่อนนั้นอาจขาดความรอบคอบ รัดกุม เสี่ยงต่อการเสียอำนาจการต่อรอง และหากลงนามกันแต่บอกว่าไม่ผูกพันยิ่งทำให้ประเทศเสียความน่าเชื่อถือบนเวทีโลก โดยนายศึกษิษฏ์ ได้เขียนข้อความดังนี้
อ่านต่อ
ทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค หารือในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 กรณีที่รัฐบาลไทยนำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปลงนามร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรื่องแร่หายากหรือแรร์เอิร์ธ ว่านายกรัฐมนตรีไทยไปทำเรื่องใหญ่ที่สร้างความตกใจให้คนทั้งประเทศ ด้วยการปิดบังไปลงนาม MOU ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อรัฐธรรมนูญ
อ่านต่อ