“ชวลิต” ชี้ญัตติด่วน ไม่ด่วนจริง ประธานสั่งปิดการประชุมกลางคัน หนีญัตติโควิด
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังในการประชุมสภา ฯ เมื่อวันพฤหัสที่ 1 ก.ค.64 ที่ผ่านมา ด้วยเหตุประธานสั่งปิดการประชุมเร็วอย่างมีนัยยะทางการเมืองช่วยรัฐบาลหนีญัตติโควิด ทั้ง ๆ ที่มี ส.ส.ลงชื่อขออภิปรายถึง 33 คน ยังไม่ได้อภิปรายสักคน นอกจากผู้เสนอญัตติ 6 คน 6 ญัตติเท่านั้น
เมื่อสภา ฯ มีมติรับเป็นญัตติด่วนแล้ว ก็ควรพิจารณาญัตติด่วนนั้นอย่างครบถ้วนกระบวนความ ไม่ควรยกยอดไปอภิปรายถึงสัปดาห์ถัดไป ถ้าอย่างนั้น จะเรียกญัตติด่วนได้อย่างไร เป็นความบกพร่องของการปฏิบัติหน้าที่ผู้ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม หรือไม่
ถ้าบ้านเมืองจะต้องฟังความเห็นสภา ฯ ยามศึก สงคราม สภา ฯ ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนจะไม่อุทิศเวลากับภารกิจสำคัญได้อย่างไร แม้ไม่ใช่สงครามโลก แต่นี่ก็ คือ สงครามโรค ที่บ้านเมืองกำลังมีวิกฤต ประชาชนกำลังเดือดร้อนแสนสาหัส ญัตติด่วนด้วยวาจา 6 ญัตติที่มีสมาชิกพรรคการเมืองถึง 5 พรรค ยื่นญัตติสอบถามและเสนอแนะรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาโควิด เพิ่งอภิปรายไปได้เพียงผู้เสนอญัตติ 6 ท่านดังกล่าว และเวลาที่ประธานสั่งปิด ก็เพียงแค่เวลาประมาณ 18.45 น.เท่านั้น
ในยามที่บ้านเมืองกำลังมีวิกฤตจากการระบาดของไวรัสโควิด โดยในวันประชุม(พฤหัสที่ 1 ก.ค.64) ศบค.แจ้งสถิติผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,533 คน ตาย 57 คน ซึ่งเป็นสถิติที่สูงขึ้น ๆ อย่างน่าตกใจ จำเป็นที่สภา ฯ ซึ่งมาจากตัวแทนประชาชนควรอุทิศเวลาปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน โดยควรมีส่วนอย่างสำคัญในการให้ข้อเสนอแนะต่อฝ่ายบริหารรับไปพิจารณา สภา ฯ ควรใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่า ให้สมกับสภา ฯ ที่เป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ใช่ใช้แทคติกหลบเลี่ยงการรับรู้ ไม่รู้ร้อน รู้หนาวกับความเดือดร้อนของประชาชน
เมื่อวันพุธที่ 30 มิถุนายน 64 ที่ผ่านมา ส.ส. พรรคแกนนำรัฐบาลก็ใช้แทคติกไม่กดคะแนนลงชื่อเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ฯ จนสภา ฯ ล่มไปหยก ๆ รุ่งขึ้นวันพฤหัส ก็รีบปิดประชุมหนีญัตติโควิดอีก
นอกจากนี้ ผมเห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะรับข้อเสนอแนะของสมาชิก ไม่มีรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนรัฐบาลมารับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะเลยแม้สักท่านเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ทำหน้าที่ประธานได้สั่งปิดการประชุมทั้ง ๆ ที่มี ส.ส.ลงชื่อขออภิปรายถึง 33 คน ยังไม่ได้อภิปรายสักคนเดียวดังกล่าว นับเป็นการใช้ดุลพินิจที่มีข้อบกพร่อง และเป็นข้อสังเกตว่ามุ่งรับใช้การเมืองฟากฝั่งรัฐบาลมากกว่าการรับทราบปัญหาและข้อเสนอแนะแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน
การปิดการประชุมอย่างไร้เหตุผลรองรับ ผมเห็นว่าเป็นการไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ในยามบ้านเมืองมีวิกฤต ทั้งวิกฤตโควิด และวิกฤตเศรษฐกิจ การกระทำดังกล่าวได้ทำลายศักดิ์ศรีของฝ่ายนิติบัญญัติอย่างรุนแรง ประชาชนไม่อาจให้อภัยได้ นับว่าน่าผิดหวังมาก และไม่ควรมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก