“เพื่อไทย” ชี้ “ประยุทธ์” เมาหมัด ทำอะไรผิดไปทุกอย่าง ห่วง ไทยจะกลายเป็นรัฐล้มเหลว แนะ ฟื้นเศรษฐกิจจากการส่งออก

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส. เลย คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนนี้เหมือนกำลังเมาหมัด ทำอะไรก็เหมือนผิดไปหมด ทั้งเรื่องการแพร่ระบาดไวรัส การจัดการวัคซีน และปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งทิศทางเศรษฐกิจของไทยได้ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ล่าสุดกระทรวงการคลังแจ้งว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลขาดถึงเกือบ 2 แสนล้านบาท ในช่วงเวลาเพียง 8 เดือน ซึ่งกว่าจะครบ 12 เดือนคงจัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่านี้มาก ประกอบกับเงินกู้ตาม พ.ร.ก. เงินกู้อีก 5 แสนล้าน ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นสูงทะลุเพดานที่ 60% ของจีดีพีแน่ หากรัฐบาลไม่สามารถเปิดประเทศได้ใน 120 วันจริง การจัดเก็บรายได้จะลดลงอีกมาก ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้พิจารณาให้ดีและดูความพร้อมว่าจะเปิดประเทศได้เมื่อไหร่ และบริหารจัดการอย่างเป็นระบบในทุกด้านเพื่อจะได้ฟื้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงได้ เพื่อการเก็บรายได้ของรัฐจะได้เพิ่มขึ้น และ ถ้าทำจีดีพี สูงขึ้นได้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็จะได้ลดลง

ดังนั้น รัฐบาลต้องมีกรอบคิดให้ดี ไม่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบเป็นวันๆ เหมือนที่เป็นอยู่ ต้องคิดและวางแผนให้ชัดเจนรอบด้าน มิเช่นนั้นไทยจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลวได้ ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ จะต้องวิเคราะห์ทั้งปัญหา อุปสรรค และโอกาส ที่จะเกิดขึ้นในคราวเดียวกัน จึงจะทำให้การแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ไวรัสโควิดพร้อมทั้งแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างได้ผล และทำให้เศรษฐกิจฟื้นได้อย่างรวดเร็ว หลายประเทศในยุโรป รวมถึง สหรัฐ จีน และอีก หลายๆประเทศในเอเชีย แก้ปัญหาโควิดได้แล้ว ขณะเดียวกันเศรษฐกิจของหลายประเทศได้เริ่มฟื้นตัวแล้ว

อย่างเช่น ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในสหรัฐเช่น ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มสูงขึ้น อัตรการว่างงานที่ลดลง อยู่ที่เพียง 5.7% โดยคาดกันว่าในปี 2564 GDP ของสหรัฐจะอาจจะโตถึง 7 % ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ภาวะเศรษฐกิจดูเหมือนจะร้อนแรงของการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจของสหรัฐอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อสูงมาก (hyperinflation)ได้ แนวโน้มชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐจ่อที่จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วสุดอาจจะต้นปีหน้าเลย ส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าสุดในรอบปีเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาห์สหรัฐ จึงเป็นอานิสงค์กับเศรษฐกิจไทยที่ขณะนี้ยังต้องเผชิญกับปัญหาการใช้จ่ายภายในประเทศที่ลดต่ำจากรายได้ประชาชนที่ลดลง และการท่องเที่ยวซึ่งยังไม่ฟื้นจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19

ดังนั้นรัฐบาลจึงควรมองเห็นโอกาสที่จะเร่งการเติบโตของภาคการส่งออก จากการฟื้นตัวของหลายประเทศจนคาดกันว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายได้ถึง 6% และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกขยายตัวที่ 10.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเดือนพ.ค ขยายตัวสูงถึง 41.6 % เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากที่เดือน พ.ค. ปีที่แล้วติดลบถึง -22.5 % ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่จะทำให้การส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวแรกติดเครื่องได้ พลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะต้องเร่งรัดให้กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์เร่งขจัดอุปสรรคด้านการส่งออกทั้งที่ส่งไป อียู และสหรัฐ และฟื้นการเจราจาเอฟทีเอ ไทย-อียู และ เอฟทีเออีกหลายประเทศที่ยังค้างอยู่โดยด่วน เพื่อเพิ่มการส่งออกให้มากขึ้นเพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทย

ทุกวิกฤตจะมีโอกาส ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ ฉลาดพอจะสามารถสร้างโอกาสในวิกฤตได้ แต่ที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ กลับเปลี่ยนโอกาสเป็นวิกฤตมาตลอด ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ ทำไม่ได้หรือไม่เข้าใจ ก็ควรปล่อยให้คนที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริงเข้ามาทำจะดีกว่า