“เพื่อไทย” ห่วง “ประยุทธ์” ยิ่งบริหารความเชื่อมั่นยิ่งลด ชี้ ไม่ถูกด่าไม่สั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ แนะ จัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆให้ถูก ก่อนจะเละกว่านี้
นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ระดับ 80.7 ปรับตัวลดลงจากระดับ 82.3 ในเดือนพฤษภาคม 2564 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.64 อยู่ที่ 44.7 ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 8 เดือน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ยิ่งบริหารความเชื่อมั่นที่เป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจกลับยิ่งลดลงไปเรื่อยๆ
วันนี้การบริหารประเทศ ในภาวะวิกฤตอย่างรุนแรง ต้องอาศัยผู้นำที่เก่ง และต้องมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง เพื่อทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น ยิ่งวิกฤตรุนแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งพิสูจน์ความเก่งของผู้นำมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ในวันนี้ ประชาชนขาดความเชื่อมั่น นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น และไม่รู้ว่าความเชื่อมั่นเหล่านี้จะต้องใช้เวลานานขนาดไหนที่จะฟื้นกลับมาได้ หรือ อาจจะไม่ฟื้นอีกเลยก็เป็นได้ ถ้าหากผู้นำยังเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะประชาชนหมดความเชื่อถือและไม่เหลือความเชื่อมั่นแล้ว ต่างกันราวกับฟ้าและเหวกับผู้นำของประเทศไทยในอดีตสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่พาประเทศผ่านวิกฤตต้มยำกุ้งมาได้ ซึ่งในช่วงนั้นที่ทุกคนต่างมั่นใจและชื่นชม
เริ่มต้นจากการบริหารวัคซีนที่ผิดพลาดอย่างมหันต์แบบไม่น่าให้อภัย เรื่องนี้ พูดกี่ครั้ง ก็ยังเหมือนเป็นเรื่องใหม่อยู่เสมอ เพราะจริงๆ แล้ว เป็นเรื่องเดียวที่ต้องทำและควรทำให้เสร็จให้ไวที่สุด แต่ก็เหมือนกับว่า ทุกอย่างดูช้าไปหมด พลาดไปหมด ภาคเอกชนเอง โดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถึงกับต้องออกมากล่าวว่า “ต้นเหตุของวิกฤตรอบนี้ คือวัคซีนที่ล่าช้า การไปชดเชยเยียวยาต่างๆ นั้นล้วนเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ตราบใดที่คนยังเข้าถึงวัคซีนยาก ก็คงไม่สามารถออกจากวิกฤตนี้ได้” วันนี้หลายฝ่ายต้องออกมาดิ้นรน เพื่อที่จะทำให้พื้นที่ของตัวเอง องค์กรของตัวเอง อยู่รอดให้ได้ เพราะว่าไม่สามารถที่จะรอความไม่แน่นอน จากความด้อยประสิทธิภาพในการบริหารงานของพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลชุดนี้ได้แล้ว แต่ที่แย่ที่สุดคือ วันนี้ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันไปเรียบร้อยแล้ว และถ้าให้คาดการณ์ล่วงหน้าหากสถาณการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็จะมีความเป็นไปได้สูงว่า ประเทศไทยอาจจะเป็นประเทศที่ฟื้นช้าที่สุด หรือเป็นอันดับท้ายๆ ที่จะสามารถฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตไวรัสโควิดนี้ และจะมีคนเจ็บคนตายเพิ่มอีกจำนวนมาก เศรษฐกิจก็จะยิ่งทรุดหนัก ประชาชนจะยิ่งลำบากถึงขึ้นอดอยากกันได้เลย ล่าสุดรัฐบาลเพิ่งจะคิดสั่งซื้อวัคซีน mRNA โดยสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และอนุมัติให้ อย. ทำสัญญาสั่งซื้อ วัคซีนโมเดอร์นากับเอกชน หลังจากถูกกระแสสังคมเรียกร้องและต่อว่าอย่างหนัก และ พรรคเพื่อไทยเองก็ได้กระทุ้งเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาตลอดและเพิ่งจัดเสวนาแบบจัดหนักไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการทำงานแบบเดิมๆของรัฐบาลที่ไม่ถูกด่าไม่ยอมทำ และ พลเอกประยุทธ์เป็น “ผู้นำพิการทางความคิด” อย่างแท้จริง
เมื่อมีการเริ่มต้น Sandbox ที่ภูเก็ด ที่เหมือนจะเป็นการประกาศจุดเริ่มต้นของการกลับสู่ภาวะปกติของการท่องเที่ยว แต่ยังไม่ทันไรกลายเป็นการประกาศด้วยการที่ตัวพลเอกประยุทธ์เองต้องถูกกักตัวจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อในการเปิดตัวแซนด์บ็อกซ์ภูเก็ตเอง เริ่มต้นก็เป็นแบบนี้แล้ว ต่อไปจะไหวหรือ ปัจจุบันเรื่องบริหารจัดการภายในประเทศยังบริหารจัดการได้ล้มเหลวเละเทะไปหมดทุกด้าน ไม่แปลกใจว่าทำไมทุกวันนี้ ต่างประเทศถึงไม่ให้ความเชื่อมั่นกับประเทศไทยเลย
การมีวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด ทำให้เห็นเลยว่า การพึ่งพาตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญมากประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความพร้อมพอสมควรกับการที่จะต้องพึ่งพาต้นเอง เพราะว่าเราเป็นประเทศผู้ผลิต โดยเฉพาะในเรื่องการผลิตอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากเลยที่ไทยจะขาดแคลนอาหาร แต่รัฐบาลก็ยังทำให้คนไทยขาดแคลนได้ คนไม่มีเงิน ไม่มีที่อยู่ ไม่มีงาน ไม่มีกิน สุดท้ายแล้ว รู้ในสิ่งที่ต้องทำกับทำได้ตามที่มีความรู้นั้นต่างกันมาก วันนี้ผู้นำจำเป็นต้องรู้และยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง ทำผิดแล้วก็ต้องหัดยอมรับผิด และต้องรีบทำในสิ่งที่ควรทำให้เร็วที่สุด อย่าตอกย้ำความเป็นผู้นำพิการทางความคิด ต้องจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆให้ได้ อย่างเช่น ตอนนี้คนไทยจำนวนมาก ยังรอรับการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพอยู่ พลเอกประยุทธ์จะปล่อยให้เค้าต้อง่รออีกนานแค่ไหน
ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่และกำลังจะย่ำแย่ลงไปอีก ทั้งการแพร่ระบาดและปัญหาเศรษฐกิจที่จะถาโถมเข้ามา หากพลเอกประยุทธ์ยังคงมีวิธีคิดและวิธีบริหารแบบเดิม ประเทศไทยจะไปไม่รอดแน่ เหมือนที่นักศึกษาได้ทำแฮทแท็ก #ผนงรจตกม ล่วงหน้าเป็นปีๆ และเป็นจริงขึ้นทุกวัน ถ้ารู้ตัวว่าความสามารถไม่ถึง วิธีคิดไม่ได้ก็อย่าฝืนต่อไปอีกเลย เพราะจะยิ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนและจะต้องเจ็บป่วยล้มตายเพิ่มขึ้นกันอีกมาก ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ในความล้มเหลวนี้อย่างแน่นอน