“การุณ”ชี้ล็อกดาวน์ต้องมาพร้อมกับการเยียวยา อัดมาตรการรัฐสร้างภาระให้คนไทยทำเศรษฐกิจรากหญ้าทรุด
นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีที่ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด-19 หรือ “ศปก.ศบค.” เตรียมใช้ข้อกำหนดใหม่ มีผลบังคับใช้เฉพาะพื้นที่เสี่ยง คือ กทม. และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด เป็น 14 วัน โดยลดการเคลื่อนที่ของประชาชน ขอให้เวิร์คฟอร์มโฮม(WFH) 100 % ยกเว้นงานบริการที่จำเป็น และงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค ขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้น ซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาล และ ฉีดวัคซีนนั้น ตนเองเห็นด้วยกับการให้ยาแรงครั้งนี้ เพราะรัฐบาลไร้ความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดจนตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเกือบหมื่นคนต่อวันแล้ว อย่างไรก็ตามตนเองขอเตือนสติรัฐบาลว่าหากมาตราการนี้มีผลบังคับใช้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือหยุดการระบาดของไวรัสได้ รัฐมีแนวทางอย่างไรต่อไป เพราะในครั้งที่แล้วที่ล็อกดาวน์ก็ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล ดังนั้นรัฐบาลต้องกำหนดวิธีการให้ชัดเจนและใช้เวลาให้สั้นที่สุด เพราะประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัสจากมาตราการรัฐมากเกินไปแล้ว
นายการุณ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกิดมาจากความล้มเหลวของรัฐบาลส่งผลให้เชื้อไวรัสขยายตัวต่อเนื่องและรุนแรง นอกจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทุกวันแล้ว ยังพบว่ามีประชาชนอีกหลายพันคนรอเตียงเพื่อเข้ารับการรักษา บางคนต้องนอนรักษาตัวที่บ้าน ดังนั้นมาตการล็อกดาวน์ที่ออกมาจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนคงต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป แต่ที่แน่ๆ ก็คือคนส่วนใหญ่ต้องหยุดงานและขาดรายได้ รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือให้ครอบครัวที่ลำบากอยู่รอดได้อย่างไร
“ผมขอเรียกร้องให้การล็อกดาวน์ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนที่ทำมาหากินไม่ได้ โดยต้องมีมาตรการเยียวยาให้กับทุกฝ่ายอย่างชัดเจน เพราะทุกวันนี้ประชาชนก็ทำมาหากินลำบากอยู่แล้ว พ่อค้าแม่ค้าหลายรายประสบปัญหาเรื่องเงินลงทุน บางรายต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อต่อทุน เพราะมาตรการที่ออกมากระทบกับการทำมาหากิน ดังนั้นหากรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์เมื่อไหร่ขอให้ประกาศมาตรการเยียวยาประชาชนทุกคนด้วยในทันที เพื่อให้ทุกคนวางแผนเพื่อความอยู่รอดและได้รับผลกระทบน้อยที่สุด” นายการุณ กล่าว