นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมติที่ประชุม ศบค. ออกมาตรการล็อกดาวน์ใน 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ได้แก่ กทม.และปริมณฑล นครปฐม สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส เพื่อยกระดับคุมเข้มการระบาดของโควิด-19 ว่า การออกมาตรการดังกล่าว ศบค. ต้องมีมาตรการเยียวยาประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการออกมาตรการนี้ในทันที โดยเฉพาะการสั่งปิดร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม ซึ่งธุรกิจรายเล็กกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากการระบาดตั้งแต่ระลอกแรกจนมาถึงปัจจุบัน รวมถึงประชาชนที่ต้องตกงานเพิ่มขึ้น รัฐบาลควรดูแลและเยียวยาประชาชนอย่างถูกจุด ได้แก่

1. ยกเว้นค่าน้ำ ค่าไฟ อินเทอร์เน็ต มีผลย้อนหลัง 2 เดือน
2. สนับสนุนอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือสำหรับการเรียนออนไลน์ให้นักเรียนที่ขาดแคลนทันที
3. พักหนี้สินเชื่อบ้านและรถทันทีอย่างน้อย 3 เดือน โดยต้องพักหนี้ทั้งต้นและดอก ไม่ใช่การพักหนี้ต้นแต่ประชาชนยังต้องจ่ายดอกเบี้ยอย่างที่เป็นอยู่
4. ชดเชยค่าเสียหายให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากวัว ควาย ที่ตายจากโรคลัมปี สกิน ซึ่งเป็นปัญหาซ้ำเติมประชาชนในหลายจังหวัดทางภาคอีสานและภาคเหนือ
5. ปลดล็อกให้สามารถใช้ชุดตรวจหาเชื้อด้วยตัวเอง (Rapid test) ส่งถึงบ้านประชาชน ลดการพบปะ ลดภาระด้านสาธารณสุข

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การออกมาตรการเข้มข้นของรัฐบาลในแต่ละครั้งที่ผ่านมา แม้มีการเยียวยาด้วยเงินงบประมาณจำนวนมหาศาลแต่กลับไม่มีประสิทธิภาพและไม่ตรงจุด หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 90.5% ต่อจีดีพี เพราะประชาชนขาดรายได้และได้รับการเยียวยาไม่เพียงพอและไม่ตรงจุด อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาวได้

“ประชาชนยอมเจ็บแต่ต้องจบ การล็อกดาวน์ต้องมาพร้อมกับการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพ หลากหลาย ทั่วถึงและรวดเร็ว ทั้งหมดคือปัจจัยที่ทำให้ควบคุมการแพร่ระบาดได้สำเร็จ ถ้าวัคซีนไม่พอ มาตรการที่ออกมาก็สูญเปล่า” นางสาวอรุณีกล่าว