“เผ่าภูมิ” โชว์วิสัยทัศน์ ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะทำ 10 อย่างนี้ รับมือโควิด-19 และ ศก.

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ในการรับมือโควิด-19 จะทำ 10 อย่าง ดังนี้

  1. ประเทศไทยจะมีวัคซีนทุกประเภท เราจะไม่แทงม้าตัวเดียว และเมื่อเราเลือกผิด จะกล้ายอมรับผิดแล้วปรับแผนวัคซีนทันที โดยเข็มแรกของไทยจะเริ่มฉีดตั้งแต่ปลายปีที่ 63 ถึงวันนี้จะฉีดได้ 70% และทำลายข้อจำกัดการนำเข้าวัคซีนทางเลือกของภาคเอกชนทันที เราต้องไม่แพ้เพราะข้อจำกัดที่เราสร้างขึ้นเอง
  2. ในช่วงที่ไม่มีการระบาด (ตั้งแต่ปลายปี 63) จะเตรียมความพร้อมเพิ่มศักยภาพระบบสาธารณสุขทันที ในเงินกู้ 1 ล้านล้านก้อนแรก จะแบ่งให้ด้านสาธารณสุข จำนวน 1-2 แสนล้าน เบิกจ่ายทันที โดยระดมลงทุน โรงพยาบาลสนาม สถานพักพิงผู้ติดเชื้อ ICU สนาม เครื่องช่วยหายใจ ยา Favipiravir ทำฐานข้อมูลศักยภาพโรงพยาบาลทั้งประเทศ และระบบ Logistics เตรียมขนย้ายผู้ป่วย ทันที ให้พร้อมตั้งแต่ต้นปี 64
  3. เราจะไม่มีข้อจำกัดแปลกๆ ที่ว่าตรวจผลเป็นบวก ต้องแอทมิททันที ตรวจที่ไหนแอทมิทที่นั่น เพราะใน รพ. ศักยภาพการให้บริการ (เตียง) น้อยกว่า ศักยภาพการตรวจเสมอ ข้อจำกัดนี้ทำให้ รพ. ตรวจไม่ได้ เพราะเตียงเต็ม ทั้งๆที่ศักยภาพการตรวจเหลือเฟือ
  4. เราจะใช้ Rapid Antigen Test , DnaNudge ควบคู่กับ RT-PCR ตั้งแต่เริ่มแรก รวดเร็วและเข้าถึงง่าย แยกผู้ป่วยออกจากสังคมได้เร็วกว่า ซึ่งคือกุญแจสำคัญ
  5. ระดมตรวจโรคจำนวนมหาศาล เมื่อตรวจเสร็จ เราจะมีระบบ Logistics ระดับประเทศมารองรับ โดยใช้ฐานข้อมูล ที่เตรียมไว้ตามข้อ 2 โดยนำพาคนป่วยปานกลาง-หนัก กระจายสู่สถานพักพิง , ICU และ รพ. ที่หนาแน่นน้อยในจังหวัดที่ศักยภาพเหลือทันที ไม่มีการนอนรอเตียง ไม่มีการตายคาเตียง
  6. การสื่อสารในภาวะวิกฤตกับประชาชนของเราจะตรงไปตรงมา ให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ข้อเท็จจริงเดียวกัน ไม่บิดเบี้ยว และให้ประชาชนรับรู้ถึงแผนงานที่ชัดเจนของเราทุกขั้นตอน
  7. เราจะใช้มาตรการคงการจ้างงานขนาดใหญ่ตั้งแต่เริ่มแรก สนับสนุนค่าจ้าง 50% จ่ายตรงไปที่นายจ้างงานเอาไปจ่ายค่าจ้างลูกจ้าง โดยต้องจ้างงานอยู่ที่ 90% ตรงนี้คนจะไม่ตกงาน บริษัทจะไม่ล้ม คนว่างงานจะไม่กระฉูด ระดับหนี้ครัวเรือนจะอยู่ที่ 80% ไม่เฉียด 100% เหมือนในปัจจุบัน
  8. Soft Loan จะมีขนาดใหญ่ และใช้ได้จริง มีเงื่อนไขผ่อนปรนและเข้าถึงง่ายมาก เพราะเราทราบดีว่าภาคธนาคารยังแข็งแกร่งกว่าภาคธุรกิจและภาคประชาชนอยู่มาก คนล้มก่อนคือประชาชน ไม่ใช่ธนาคาร เราจะใช้กลไกธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเป็นแกนกลางในการปล่อยสินเชื่อ และใช้ระบบกองทุนให้สินเชื่อ SMEs ที่เข้าไม่ถึง
  9. การเยียวยาจะเป็นแบบตรงจุด ตรงเป้า โดยใช้ระบบฐานข้อมูลที่ระบุความเดือดร้อนได้ตรงเป้า และการเยียวยาจะต้องมุ่งสู่การลงทุนภาคเอกชน และการสร้างงานใหม่ ไม่ใช่แค่การกระตุ้นการบริโภคที่หมดไปวันๆแบบที่เป็นอยู่
  10. ทำตามข้อ 7,8, และ 9 เงินกู้ตาม พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านก้อนแรกนั้นเหลือเฟือ ไม่ต้องกู้เพิ่มอีก 5 แสนล้าน ไม่ต้องกู้เพื่อชดเชยขาดดุลอีก 7 แสนล้านบาท หนี้สาธารณะต่อ GDP จะอยู่ที่ราว 50% เท่านั้น ไม่ทะลุเพดานเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน