“เพื่อไทย” ชี้ “ประยุทธ์” ทำไทยเสื่อมหนัก จี้ยอมรับความจริงว่าล้มเหลวแล้ว ไม่เห็นทางฟื้น มีแต่ทรุด แนะ เร่งคัดกรองพร้อมเยียวยา ประชาชนต้องรอดก่อน

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส. เลย คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 1% จากการระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่ และ KKP Research เกียรตินาคินภัทร วิเคราะห์ชัดเจนว่าไทยเริ่มไม่ใช่จุดสนใจของโลกแล้ว จากปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่เสื่อมถอย ตอกย้ำด้วย สื่อหลักญี่ปุ่น นิเคอิ เอเชีย ที่ระบุประเทศไทยจะฟื้นตัวอันดับท้ายๆของโลกคืออันดับ 118 จาก 120 กว่าประเทศ และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ห่วงว่าเศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาถึง 6 ปีถึงจะฟื้น ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงถึงความล้มเหลวของรัฐบาล ในการบริหารประเทศมาตลอด 7 ปี ที่ไม่ได้พัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาโครงสร้างจนประเทศไทยเสื่อมถอยหนัก โดยก่อนหน้านี้ มีบทความในนิเคอิ เอเชีย ที่ระบุชัดเจนเลยว่าถ้าหลังวิกฤตการณ์โควิดแล้วไทยยังไม่ฟื้นหรือฟื้นช้าจะแสดงถึงความล้มเหลวของรัฐบาลที่บริหารประเทศมา 7 ปี

ในภาวะวิกฤติที่เป็นผลมาจากการบริหารล้มเหลว พลเอกประยุทธ์ในฐานะผู้นำรัฐบาลต้องออกมายอมรับความจริงและหยุดหลอกลวงประชาชน โดยต้องแสดงความรับผิดชอบ จากผลการบริหารวัคซีนที่ผิดพลาดทำให้เกิดการระบาดอย่างมาก ตัวเลขผู้ติดเชื้อมากเกินวันละ 11,000 คน คนตายประมาณวันละ 100 คน และยังมีแนวโน้มที่จะเจ็บและตายกันเพิ่มมากขึ้น จนสุดท้ายต้องนำมาสู่การประกาศล็อกดาวน์และต้องขยายการล็อกดาวน์เพิ่มขึ้นอีก และอาจจะต้องขยายเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่งมาตรการล่าสุดไม่ต่างจากการปิดเมืองในปี 2563 แต่อย่างใด เพียงแต่รัฐบาลไม่กล้าที่จะประกาศตรงๆ โดยเลี่ยงคำพูดว่าเป็นการขอความร่วมมือ อีกทั้งยังไม่สามรถกำหนดเป้าหมายความสำเร็จ และระยะเวลาการล็อกดาวน์อย่างชัดเจนได้ เช่น จะต้องลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงเหลือเท่าไหร่ ภายในเวลา 14 วัน ซึ่งจะเป็นเหมือนการซื้อเวลาไปเรื่อยๆ เพื่อแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

ทั้งนี้ แม้ว่าการล็อกดาว์ครั้งนี้มีผลบังคับใช้ใน 13 จังหวัดสีแดงเข้ม แต่ความจริงคือการล็อกดาวน์ได้ส่งผลกระทบไปถึงคนจำนวนมากเกือบทั้งประเทศ และเกือบทุกสาขาอาชีพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ กทม. และ จังหวัดใหญ่ๆเหล่านี้เป็นเหมือนศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบไปแทบทุกภาคส่วน ทั้งภาคเกษตรที่เกษตรกรไม่สามารถขายผลผลิตได้ เนื่องจากปัญหาการขนส่งสินค้าทำให้ราคาผลผลิตยิ่งตกต่ำ ถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาซ้ำเติม ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องมี supply chain เชื่อมต่อกัน รวมถึงภาคบริการที่ต้องให้บริการอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ รวมถึง ประชาชนกลุ่มอาชีพอิสระที่ต้องเดินทางเชื่อมกับจังหวัดเหล่านี้

การเลี่ยงใช้คำพูดว่า เป็นการขอความร่วมมือ ก็เพราะเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องการออกมาตรการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะห่วงว่าจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก และรัฐบาลกู้เงินมาใช้มากแล้ว หนี้สาธารณะใกล้จะชนเพดาน และจะทะลุเพดานในไม่ช้าในขณะที่ประชาชนลำบากกันแสนสาหัสหนี้ครัวเรือนได้ทะลุ 90.5% ของจีดีพีแล้ว

ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายความสำเร็จและระยะเวลาการล็อกดาวน์ที่ชัดเจน ประชาชนจะได้ทราบว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานกันอีกนานต่อไปเท่าใด และหากล็อกดาวน์แล้วไม่สำเร็จ หรือ เจ็บแต่ไม่จบ รัฐบาลจะรับผิดชอบต่อความเสียหายและความลำบากของประชาชนได้อย่างไร ซึ่งจากที่ประเมิน โอกาสสำเร็จจะยากมาก เพราะยังไม่มีการคัดกรองผู้ติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ และ ปัญหาวัคซีนยังคงสับสนมาก ยังไม่มีวัคซีนที่มีคุณภาพ เช่น วัคซีน mRNA อย่างเพียงพอที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ อีกทั้งการเปิดเผยเอกสารของแอสตร้าเซนเนก้ายิ่งสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลอย่างจัง พร้อมกับข้อครหาในเรื่องทุจริตคอรัปชั่นในการจัดหาวัคซีน ซึ่งสร้างไม่พอใจให้กับประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ดังนั้นจึงอยากขอเรียกร้องให้ประชาชนได้ร่วมกันออกมากดดัน เพื่อให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบและได้เร่งออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งควรต้องทำอย่างเร่งด่วน เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด และช่วยประชาชนให้ประคองชีวิตอยู่ได้ ใน 5 ประเด็นดังนี้

  1. ออกมาตรการเยียวยาเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริงทั้งหมด รวมถึงกลุ่มอาชีพอิสระด้วย โดยจ่ายเป็นเงินสด เดือนละ 5000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของคนทุกสาขาอาชีพ และจะเป็นการเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
  2. เยียวยาภาคธุรกิจให้ประคองตัวในช่วงนี่ไปได้ และสนับสนุนการจ้างงาน เพื่อไม่ให้คนตกงานกันมากขึ้นอีก
  3. เร่งรัดจัดหาและแจกจ่ายชุดตรวจ แอนติเจน เทสต์ให้ทุกครัวเรือนและเปิดให้มีการขายชุดตรวจผ่านร้านขายยาเอกชนและร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ โดยแก้ไขกฎระเบียบที่ยังเป็นอุปสรรคให้หมดไป
  4. สั่งการให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันปฎิบัติงานเชิงรุกร่วมกับผู้ประกอบการ ในการตรวจคัดกรอง คัดแยกผู้ติดเชื้อ
  5. ดำเนินการ เช่าโรงแรมในพื้นที่ติดเชื้อสูง เพื่อปรับเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ในช่วงที่มีการล๊อกดาวน์ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเตียงผู้ป่วย และจะเป็นการกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการโรงแรม ที่มีห้องพักว่างเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก และในหลายจังหวัดอาจใช้ค่ายทหารนำมาปรับเป็นโรงพยาบาลสนามได้

ที่ผ่ามมาพลเอกประยุทธ์ได้แต่ตามแก้ปัญหา ไม่เคยมองปัญหาล่วงหน้าเลย จนเป็นรัฐบาลที่บริหารโดยการท้วงติงจากภาคส่วนอื่น ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้วิเคราะห์ผลที่จะเกิดขึ้น คิดล่วงหน้า หากยังคงบริหารแบบเดิมๆ หรือคิดไม่เป็น ก็ควรจะต้องเสียสละให้คนที่คิดล่วงหน้าเป็นเข้ามาบริหารประเทศแทนได้แล้ว เพราะปัจจุบันทุกอย่างเละซะยิ่งกว่าเละแล้ว