นพดล ชี้อย่าล็อคดาวน์อนาคตเด็ก โควิดต้องไม่ทำให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษา และคุณภาพการศึกษาต้องไม่ไหลลงเพราะการเรียนออนไลน์

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงปัญหาเฉพาะหน้าด้านการศึกษาที่เป็นผลกระทบจากวิกฤตโควิดที่มีต่อนักเรียน ครูและผู้ปกครอง ทำให้เด็กยากจนพิเศษจำนวนมากเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา ซึ่งประเทศต้องมีตาข่ายรองรับน้องๆเหล่านี้ให้ได้เรียนต่อ การระบาดของโควิดทำให้ต้องสอนออนไลน์ ซึ่งกระทบคุณภาพการศึกษาอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้นตนจึงเสนอให้รัฐบาลและผู้รับผิดชอบงานด้านการศึกษา ควรดำเนินการเรื่องเร่งด่วนดังนี้

เพิ่มงบประมาณให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา แทนที่จะมีการตัดลดงบประมาณที่กองทุนเสมอภาคทางการศึกษาตั้งมาเป็นงบประมาณปี 2565 รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น ให้มากพอที่จะดูแลนักเรียนหลายแสนคนจากครอบครัวยากจนด้อยโอกาสที่ได้รับผลกระทบจากโควิด งบประมาณไม่กี่พันล้านจะสร้างความแตกต่างและโอกาสทางการศึกษาให้น้องๆเหล่านี้ได้ และจะช่วยป้องกันการหลุดจากระบบการศึกษาของนักเรียนยากจนพิเศษได้นับแสนๆคน

เร่งทำบิ๊ก ดาต้าทางการศึกษาให้สมบูรณ์ ก็รู้กันอยู่ว่าเด็กและผู้ปกครองจำนวนมากขาดอุปกรณ์ในการเรียนออนไลน์เช่นคอมฯ แทปเลต มือถือ กระทรวงศึกษาฯได้สำรวจและมีบิ๊ก ดาตาหรือระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ด้านการศึกษาที่ระบุนักเรียนและครอบครัวที่ขาดแคลนหรือยัง ซึ่งทำได้ไม่ยาก เมื่อเราทราบความขาดแคลนเราก็จะสามารถจัดหาหรือช่วยเหลือได้ตรงจุด

พลิกวิกฤตเป็นโอกาส พัฒนาการเรียนออนไลน์และเนื้อหาการเรียนดิจิทัล digital content ให้มีคุณภาพ น่าสนใจ ให้ผู้เรียนสนุกกับการเรียน เพื่อรองรับแพล็ตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัลในอนาคต และให้ผู้เรียนเข้าถึงหลักสูตรออนไลน์ระดับโลก เพื่อเสริมการเรียนในห้องเรียน
จัดทำบทเรียนกระตุ้นคุณภาพ booster lesson เมื่อกลับไปโรงเรียน เนื่องจากการเรียนออนไลน์ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก แต่ก็จำเป็น และในระดับชั้นอื่นก็กระทบคุณภาพการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาฯควรออกแบบสาระการเรียนรู้ให้เหมาะกับการเรียนออนไลน์ เช่น คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ ภาษา นอกจากนั้นต้องคิดล่วงหน้าว่าเมื่อปลอดภัยและสามารถกลับมาเรียนในชั้นเรียนได้ เราต้องเตรียม booster lesson หรือบทเรียนกระตุ้น ทำนองวัคซีนกระตุ้นเพื่อติดอาวุธความรู้และทักษะที่ขาดหายไปในช่วงการเรียนออนไลน์ เพื่อให้ผู้เรียนมีสมรรถนะตามเป้าหมายที่ควรจะเป็น

“ขอเสนอเพราะห่วงอนาคตลูกหลาน ส่วนผู้มีอำนาจในรัฐบาลฟังแล้วจะได้ยินหรือไม่คงต้องรอดู แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะผลักดันเรื่องนี้และนโยบายหลักประกันการศึกษาคุณภาพถ้วนหน้าเพื่อพัฒนาทุนมนุษย์และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศ”