นายวันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่สถานการณ์การรับส่งประชาชนจากกรุงเทพมหานคร และพื้นที่สีแดงเข้มอื่นๆกลับสู่ภูมิลำเนาเพื่อรักษาตัวจากโควิด รวมทั้งผู้ที่เดินทางกลับด้วยตัวเอง พบว่าเกิดปัญหาเป็นอย่างมาก เนื่องจากหน่วยงานที่รับคนจากส่วนกลาง ไม่มีการประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่น ฝ่ายปกครอง และสถานพยาบาลในพื้นที่  จึงเกิดเหตุการณ์ที่มีประชาชนถูกปล่อยทิ้ง ให้รอรถบริเวณจุดรับตัวเป็นเวลานาน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดในชุมชนได้ ล่าสุดในอำเภอหนองสองห้อง มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 2 ราย ติดต่อกันภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 13 และ 14 ของจังหวัดขอนแก่น สร้างความวิตกกังวลให้คนในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก

นายวันนิวัติ  กล่าวอีกว่า  มีความเป็นห่วงสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิ  ทั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) โรงพยาบาลประจำอำเภอ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) พวกเขาซึ่งเป็นทั้งด่านหน้า และปราการด่านสุดท้ายในการปกป้องชีวิตของคนในชุมชน ยังขาดแคลนอุปกรณ์ในการคัดกรองผู้ติดเชื้อ รวมทั้งอุปกรณ์ป้องกันพื้นฐานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชุดตรวจ Antigen Test Kit สำหรับการคัดกรองเชื้อไวรัสเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว ในผู้ที่สงสัยว่าจะติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ชุดพีพีอี ถุงมือไนไตร และเฟซชีลด์ ซึ่งที่ผ่านมา ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย พร้อมภาคเอกชนได้ให้การสนับสนุนจัดหามาให้ เพื่อบรรเทาสถานการณ์ในระยะสั้นมาโดยตลอด  แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีงบประมาณส่วนใดของภาครัฐ  ที่จะนำมาจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันในระยะยาวแต่อย่างใด  ไม่มีกล่องยังชีพ ไม่มี ยาฟาวิพิราเวียร์ มีเพียงฟ้าทะลายโจรที่ยังพอหาซื้อได้บ้าง แต่ทั้งหมดประชาชนและท้องถิ่นก็ดูแลได้ตามกำลังกายกำลังทรัพย์ที่พวกเขามี รัฐบาลเอาแต่สั่งการให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานป้องกันโควิด จนพยาบาลในอำเภอหนองสองห้อง ติดเชื้อทั้งวอร์ด ผลักให้เจ้าหน้าที่ออกไปสู้กับศึกใหญ่ แต่ไม่มีงบประมาณสนับสนุนจากส่วนกลาง ทั้งที่มี พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท  งบกลาง  และงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังได้รับจากส่วนกลางไม่ครบอีกจำนวนมาก  จึงอยากให้รัฐใส่ใจดูแลท้องถิ่นด้วย  อย่าปล่อยลอยแพบุคลากรทางการแพทย์ให้ต้องเผชิญหน้ากับโรคระบาดเพียงลำพังเสมือนไม่มีรัฐบาลแบบนี้ 

” รัฐบาลเหมือนส่งบุคลากรทางการแพทย์ไปรบกับทัพขนาดมหึมา แต่ไม่ส่งปืนใหญ่ไปช่วยสักกระบอก ปล่อยให้ชาวบ้านหล่อปืนกันเอง อย่าอาศัยความรักความผูกพันธ์ของคนในชุมชน อาศัยความเสียสละของ อสม. หมอ พยาบาล ให้แบกรับภาระกันเอง ถ้ารัฐยังนิ่งเฉยทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ในที่สุดปราการด่านสุดท้ายที่คอยขวางกั้นระหว่างโรคร้ายกับประชาชนจะพังทลายลง” นายวันนิวัติ กล่าว