เพื่อไทย จี้ ศบค. ส่วนกลาง-จังหวัดปรับแนวทางป้องกันการระบาดโควิด – ป้องกันเหตุอาชญากรรม หวั่นล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพบศพนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ว่า หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศบค. จัดการกับปัญหานี้ล่าช้า และไม่สามารถกอบกู้ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งสอบสวน พร้อมเปิดเผยทุกกระบวนการและความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับสาธารณชน เนื่องจากคดีนี้ถูกเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก ขณะเดียวกัน ศบค. ทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัดควรปรับแนวทางการป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝันในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่พื้นที่ควบคุมสีแดง ดังนี้

  1. นำเอาระบบแอปพลิเคชัน ซึ่งบางจังหวัดมีแอปพลิเคชันส่งเสริมการท่องเที่ยวอยู่แล้ว นำมาใช้ในการติดตามนักท่องเที่ยว และสามารถติดต่อฉุกเฉินได้ทันที เมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย
  2. มีระบบให้ผู้ให้บริการที่พัก ทำบันทึกการเข้าพักอาศัยของนักท่องเที่ยวทุกรายทุกคืน และแจ้งกำหนดการการท่องเที่ยว เพื่อช่วยสอดส่องเหตุผิดวิสัย
  3. เพิ่มการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้มากขึ้นและจัดเวรหน่วยลาดตระเวนเพิ่มเติมในพื้นที่เปลี่ยวหรือลับตาคนในยามวิกาล

นายชนินทร์ กล่าวว่า ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารของพลเอกประยุทธ์ ได้บั่นทอนความหวังและโอกาสในการเปิดประเทศไปจนหมดสิ้น เท่ากับว่าพลเอกประยุทธ์ ทำตัวเองเพราะอาจมีความเป็นไปได้ที่จะไม่สามารถเปิดประเทศได้อย่างที่หวัง มาตรการควบคุมการระบาดเดียวที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ คือการประกาศล็อกดาวน์ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการทำงานเชิงรุกของภาครัฐ ไม่มีการเร่งตรวจ เร่งแยกผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัวและชุมชน ปล่อยให้การระบาดขยายวงไปเรื่อยๆ หากปล่อยให้บริหารต่อไป มีหวังประเทศไทยต้องกลายเป็นพื้นที่สีแดงเข้มล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

“พลเอกประยุทธ์ เก่งแต่ประกาศคำสั่ง ตั้งเป้าหมาย แต่ไร้จุดมุ่งหมาย ทำงานไม่ได้ บริหารไม่เป็น การล็อกดาวน์ครั้งนี้เสมือนการขุดหลุมฝังประเทศไทยไปเรื่อยๆ หากไม่เร่งแก้ปัญหา เท่ากับตอกฝาโลงปิดโอกาสการฟื้นตัวการท่องเที่ยวไทยไปอีกนาน” นายชนินทร์กล่าว