“เพื่อไทย” จี้ “ประยุทธ์” จะเลือกตั้งใหม่แล้วแต่ยังไม่ทำสักนโยบาย ชี้ เกษตรกรถูกละเลยตลอด 7 ปี แนะ เร่งสร้างเกษตร-อุตสาหกรรมยุคใหม่

นายภาควัต ศรีสุรพล ส.ส. ขอนแก่น คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตลอด 7 ปี ภายใต้การบริหารของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เกษตรกรถูกละเลยมากที่สุด รายได้ของเกษตรกรตกต่ำมาตลอด เนื่องมาจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ส่งผลให้หนี้สินของเกษตรกรเพิ่มขึ้นสูงมาก นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ ยังไม่ได้มีการช่วยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตทำให้ต้นทุนสินค้าเกษตรมีราคาสูงเมื่อเปรียบเทียบกับราคาสินค้าเกษตรของประเทศคู่แข่ง ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายได้ยาก ประกอบกับสภาวะการระบาดของไวรัสโควิดทำให้การบริโภคสินค้าเกษตรภายในประเทศลดลง ส่งผลกระทบซ้ำเติมต่อรายได้ของเกษตรกรมากขึ้น

ทั้งนี้ หลังจากที่มีการเลือกตั้งที่ผ่านมากว่า 2 ปีแล้ว เกษตรกรก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคำมั่นสัญญาของ พรรค พปชร. ซึ่งเป็น พรรคการเมืองแกนนำของรัฐบาลที่ได้สัญญาไว้กับประชาชนในการปรับราคาสินค้าเกษตร โดยอยากขอเตือนความจำดังนี้
ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท/ตัน
ข้าวเจ้า 12,000 บาท/ตัน
อ้อย 1000 บาท/ตัน
ยางพารา 65 บาท/ กก.
ปาล์ม 5 บาท/ กก.
มันมสำปะหลัง 3 บาท/ กก.

ซึ่งนโยบายเหล่านี้คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเคยท้วงติงไว้แล้วว่าจะทำได้หรือ แล้วจะหาเงินมาจากที่ไหน แต่พรรค พปชร. ยืนยันว่าทำได้แน่นอนและทำได้จริง แต่พอถึงเวลากลับไม่ทำ ซึ่งเป็นการทำผิดสัญญาในการหาเสียงหรือไม่ จะเป็นการผิดกฎหมายการหาเสียงด้วยหรือไม่ เพราะสัญญาแล้วไม่ทำ ทั้งนี้ยังมีค่าแรง 400-425 บาท ต่อวัน นโยบายมารดาประชารัฐ และอีกหลายนโยบายที่ยังไม่ได้ทำเลย จึงอยากเรียกร้องให้ทำบ้างและทำได้แล้ว เพราะประชาชนเขาฝากมาทวงถาม

นอกจากจะไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงแล้ว ยังปล่อยปละละเลยไม่แก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรค ไม่ว่าจะเป็น ลิมปิ สกิน และ โรคอหิวาห์สุกร ที่ทำความเสียหายให้กับเกษตรกรอย่างมาก แต่พลเอกประยุทธ์ กลับทำงานล่าช้า ไม่เร่งแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดในเรื่องดังกล่าว

ดังนั้น จึงอยากเร่งให้พลเอกประยุทธ์ ได้ศึกษาและดำเนินการ การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการเกษตร ให้สอดคล้องกับอนาคตของโลก การพัฒนาการเกษตรเป็น Smart Farmer และ พัฒนาร่วมกับภาคอุตสาหกรรมสร้างเกษตร-อุตสาหกรรมครบวงจรยุคใหม่ โดยมุ่งความต้องการของตลาดเป็นหลัก พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความแตกต่าง และผลิตให้ครบวงจรเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตกร โดยปัจจุบันได้มีคลัสเตอร์การเกษตรในลักษณะนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยหลายแห่งแล้ว และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ ได้ศึกษาโมเดลและ เร่งดำเนินการ โดยมีหลายพี้นที่มีศักยภาพ แต่ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่จะดำเนินการเรื่องนี้เป็นนโยบายหลัก เพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกรและยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของเกษตรกร

ในภาวะวิกฤต ประเทศไทยต้องแสวงหาโอกาส การพัฒนาการเกษตรเป็นแนวทางที่พลเอกประยุทธ์ ต้องเร่งดำเนินการ โดยภาคการเกษตรถูกละเลยมาตลอด 7 ปี เหมือนไม่ใส่ใจ หรือ พลเอกประยุทธ์ อาจจะไม่มีความรู้และไม่เข้าใจ ซึ่งหากรู้ตัวก็ไม่ควรจะดื้อรั้นอยู่ในตำแหน่งแล้ว เพราะที่ผ่านมายังไม่เห็นพลเอกประยุทธ์ จะเก่งทางด้านไหนเลย นอกจากการรักษาอำนาจไปวันๆ โดยไม่สนว่าประเทศจะพัฒนาหรือไม่ ประชาชนจะลำบากอย่างไร อย่าทำให้ประเทศต้องล่มสลายทุกด้านคามือเลย