เพื่อไทยโวย ท่ามกลางความเป็นความตายของประชาชน รัฐบาลปล่อยทุจริตทุกหย่อมหญ้า ตั้งเป้าอภิปรายไม่ไว้วางใจหาคนรับผิดชอบ

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งจะยื่นเรื่องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาฯ วันที่ 16 ส.ค. นี้ว่า มีรัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรายบุคลจำนวน 6 คน โดยมีประเด็นสำคัญ คือ กรณีสัญญาการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน, โดรนชายฝั่ง ที่จะเน้นการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต่อมาคือ การบริหารจัดการโควิด-19 ที่เน้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ประเด็นการจัดซื้อจัดจ้างวัคซีนและเรื่องล่าสุด ชุดตรวจโควิดแบบ Rapid Antigen Test หรือ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด ที่พบว่า บริษัทที่ชนะการประมูล คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่ง เป็นคู่สัญญา และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนในรัฐบาล โดยเจ้าของบริษัทฯ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61 ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

“บริษัทนี้ ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์พัฒนาที่ดิน ไม่ได้ค้าขายเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบราคากับประเทศเยอรมันนี พบว่ามีจำนวน 0.85 ยูโร เมื่อเทียบค่าเงินไทยรวมภาษีและขนส่งแล้ว ราคารวมทั้งหมดไม่เกิน 40 บาท จึงตั้งข้อสงสัยว่าราคาที่ขายให้กับไทยถึง 70 บาท แพงเกินจริง และนายอนุทิน ต้องเป็นผู้ตอบคำถาม”

นอกจากนี้ ข่าวการทุจริตอย่างมโหฬารในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาทิ เสาไฟกินรี รถดับเพลิงคันละ 50 ล้านบาทที่ ปปช. ชี้มูลขณะนี้มีสาเหตุมาจากประเทศไทยไม่ได้เลือกตั้ง นายก อบต. มา 8 ปีแล้ว ส่วนใหญ่เป็นปลัดรักษาการ และก.คลัง โดยกรมบัญชีกลาง ออกหนังสือ ว.89 แนวทางปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน โดยการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แทนระบบ e-bidding จึงทำให้เกิดช่องว่าง ท้องถิ่นเรียกเฉพาะผู้ขึ้นทะเบียนกับ สสว. ในพื้นที่ ไม่เกิดการแข่งขัน เกิดการฮั้วประมูลและล็อคสเปก เรื่องนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ต้องตอบว่ามีระบบ e-bidding อยู่แล้วทำไมต้องออกระเบียบ ว.89 มาใช้ควบคู่ด้วย เพื่ออะไร” นายยุทธพงศ์ กล่าว

นายจิรพงษ์ กล่าวปิดท้ายว่า สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยขณะนี้เสียหายมากกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง รายงานหนี้ครัวเรือนและยอดเงินฝากลดลง สะท้อนชัดว่าคนไม่กล้าลงทุน และประชาชนมีเงินไม่พอเพราะภาระหนี้สินเพิ่ม คนละครึ่งจะใช้ได้อย่างไร นโยบายการพักชำระหนี้ 2 เดือนใช้ได้จริงหรือไม่ หรือไม่ช่วยอะไรเลย รัฐบาลต้องเข้าช่วยเหลืออัตราดอกเบี้ย เพราะประชาชนกำลังจะล้มละลายกันหมด