นาย การุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาสัมภาษณ์กล่าวหาพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรี 5 คน เพราะคิดหาประโยชน์ทางการเมืองให้ตัวเองว่า ตนเองไม่ได้ให้ราคากับนายเสกสกล แต่ต้องการชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบว่า ฝ่ายค้านเข้าใจสถานการณ์เรื่องโควิดเป็นอย่างดีว่าหนักหนาสาหัสมากแค่ไหน ทั้งนี้เหตุผลหลักเกิดจากความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาของนายกฯ และรัฐบาลที่ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ ปล่อยให้ประเทศต้องเผชิญกับโรคร้ายไปตามยถากรรม จนนายเสกสกล ก็ออกมายอมรับเองว่าไม่ควรที่จะมาอภิปรายในช่วงที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤต แต่ถ้าฝ่ายค้านไม่รีบอภิปรายให้สภาผู้แทนราษฎรได้เห็นถึงความล้มเหลว บกพร่อง ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ และละเลยปล่อยให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน ก็เชื่อได้เลยว่าประเทศจะวิกฤตหนักมากขึ้นกว่านี้ และคนไทยต้องเสียชีวิตสังเวยความล้มเหลวอีกนับไม่ถ้วน ส่วนเหตุผลที่บอกว่าสภาฯไม่ควรเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการประชุมสภาฯ ถือเป็นการรวมคนหมู่มาก อาจจะมีการแพร่เชื้อโควิดระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มในสภาได้นั้น ขออย่าได้เป็นห่วง เพราะผู้แทนราษฎรดูแลตัวเองไม่ได้แล้วจะไปดูแลประชาชนได้อย่างไร ตนเองอยากบอกนายเสกสกลว่า ให้ไปบอก พล.อ.ประยุทธ์ ให้เตรียมตัวมาชี้แจงสภาจะดีกว่า อย่าปากกล้าขาสั่น เพราะเข้ามาพูดในสภาทีไรฟังไม่เคยรู้เรื่อง ใช้ภาษาไทยก็วิบัติ ถามอย่างตอบอย่าง แถมยังไม่เข้าใจการใช้ข้อบังคับในการประชุม ซึ่งตนเห็นว่านายเสกสกล แม้จะเป็น ส.ส.สอบตก แต่ก็พอสื่อสารกับมนุษย์ได้บ้าง น่าจะขอเวลาเข้าไปอบรม พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์มากกว่าออกมาให้ข่าวไร้สาระแบบนี้

นายการุณกล่าวต่อไปอีกว่า นายเสกสกล ควรขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ อย่าได้หวาดกลัวจนสติแตก เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แก้ต้วตามนิสัย และใช้เวทีสภานี้ชี้แจงทำความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าล้มเหลวเพราะอะไร ส่วนการอภิปรายของฝ่ายค้านก็จะอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาใหม่ๆ ที่มาจากการตรวจสอบ และสะท้อนเสียงความทุกข์ยากของประชาชนให้รัฐบาลได้ยิน เชื่อว่าคนไทยจะเฝ้ารอฟังการอภิปรายครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ ขอให้อดทนรอกันอีกไม่นาน

“การอภิปรายฯไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ผู้อภิปรายทุกคนเตรียมเนื้อหาและหลักฐานมาเป็นอย่างดี จึงมีน้ำหนักในการกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ และพวกข้อมูลที่อภิปรายจะเป็นประโยชน์กับประชาชน และจะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศอีกต่อไป สอดคล้องกับคะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เพราะไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้สำเร็จ ไม่ได้ทุ่มเททำงานปล่อยให้รัฐราชการบริหารไปเรื่อยๆ จนประเทศอยู่ในสภาวะวิกฤต ดังนั้นการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะปลดล็อคประเทศออกจากผู้นำที่ไม่ฉลาดและไร้ความสามารถตลอดจนมีแต่ตัวสอพลอที่รายล้อมอยู่รอบข้างได้อย่างแน่นอน” นายการุณกล่าว