เพื่อไทยผุดแคมเปญ “ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์” ชวนคนไทยลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์และพวก

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส.และสมาชิกพรรค ร่วมกันแถลงข่าว เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมลงชื่อโหวตไม่วางใจรัฐบาล ผ่าน https://www.change.org/prayutgetout ในหัวข้อ “ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์ ” เพื่อร่วมแสดงพลังและเจตจำนงไม่ยอมรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อีกต่อไป เพราะเป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถ บริหารประเทศล้มเหลวซ้ำซาก ปล่อยปละละเลย ทำให้พี่น้องประชาชนประสบกับภาวะทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ซึ่งการเข้าร่วมลงชื่อในครั้งนี้จะเป็นการแสดงพลังของพี่น้องประชาชนอีกทางหนึ่งตามวิถีประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน ในสภาที่จะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายน 2564

การลงมติไม่ไว้วางใจของประชาชนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล จะได้ตระหนักว่า เสียงข้างมากของ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลในสภารวมกับเสียงของสมาชิกวุฒิสภาเท่านั้น ไม่อาจค้ำจุนการอยู่รอดของรัฐบาลและการดำรงอยู่ในตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีได้ ในทางตรงข้ามหากพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ขาดความเชื่อมั่น ขาดความไว้วางใจ ขาดศรัทธาที่จะให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศต่อไป ปัญหาวิกฤตของประเทศที่เผชิญอยู่จะไม่อาจแก้ไขได้ และประเทศจะจมดิ่งลึกลงจนกอบกู้แก้ไขลำบากขึ้นทุกที

พรรคเพื่อไทย จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมแสดงออกด้วยการร่วมลงชื่อ ลงมติในครั้งนี้ จำนวนผู้ร่วมมากเท่าไร ก็ยิ่งสื่อถึงความปรารถนาของประชาชนได้มากเท่านั้น เพราะเราเชื่อมั่นว่า “มือในสภา หรือจะสู้ศรัทธาของประชาชน” พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะเดินหน้าทำหน้าที่เปิดโปงความล้มเหลวทุกด้านที่พลเอกประยุทธ์และพวกได้ทำไว้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่ามือไหนที่ยังมีส่วนร่วมโอบอุ้ม “ผู้นำ” ที่ทำร้ายประเทศ ขอให้พี่น้องประชาชนที่อดทนอดกลั้นกับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา รอดูการเช็คบิลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นนี้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แคมเปญ “ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์ ” เป็นการโหวตไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ของประชาชนที่ร่วมกันทำงานนอกสภาคู่ขนานกันไปอย่างแข็งขันกับการทำงานในสภาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นช่องทางของการรับฟังเสียงของพี่น้องประชาชนเพิ่มเติม หลังจากที่ได้เปิดให้ประชาชนส่งข้อมูลให้พรรคเพื่อไทยนำไปอภิปรายเอาผิดพลเอกประยุทธ์และพวกเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตต่างๆ มาก่อนหน้านี้แล้ว

นายสุทิน คลังแสง ประธานกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า แคมเปญ “ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์” เป็นครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยและประชาชนร่วมทำงานคู่ขนานกัน ระหว่างประชาธิปไตยทางตรง (Direct democrazy) กับประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน (Representative Democracy) ด้วยเพราะขนาดปัญหาของประเทศในขณะนี้มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน และประชาธิปไตยทั้งสองแบบจะสามารถขับเคลื่อนสอดประสานไปพร้อมกันได้ เริ่มตั้งแต่การเปิดรับข้อมูลจากประชาชนในการส่งข้อมูลและชี้เป้ามาให้พรรคเพื่อไทยมาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งประชาชนได้ส่งข้อมูลมาเป็นจำนวนมาก ขั้นตอนต่อมาคือในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ซึ่งจะมีการอภิปรายคู่ขนานนอกสภาของประชาชน และขั้นสุดท้ายคือการลงมติไม่ไว้วางใจในสภาและนอกสภา ซึ่งเป็นการ “ลงมติมหาชน” ซึ่งมติมหาชนจะเป็นการรองรับสนับสนุนให้ความต้องการของประชาชนบรรลุได้ง่ายขึ้น เมื่อทั้งสองระบบทำงานควบคู่กันไปจะเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศและสังคมได้

นายสุทิน ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความพร้อมเต็มที่ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่รับข้อมูลมาจากประชาชน วิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันรวม 6 พรรค จนถึงตอนนี้อยู่ระหว่างการปรับเนื้อหาให้คมและชัดมากยิ่งขึ้น เพื่อพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่าเนื้อหาการอภิปรายจะไม่อ้อมค้อม ไม่ลึกลับซับซ้อน เพราะมีความไม่ชอบมาพากลหลายเรื่องอย่างชัดเจนในบรรยากาศที่ไม่ควรเกิดขึ้น ฝ่ายค้านจะต้องปรามการกระทำนั้น รัฐบาลกำลังซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การระบาดของโควิด-19 ไปสู่การทุจริต ซึ่งหลังจากการอภิปรายแล้วฝ่ายค้านจะยื่นฟ้องต่อกระบวนการยุติธรรมให้เอาผิดกับผู้กระทำผิดอย่างถึงที่สุด

“แม้ฝ่ายค้านจะไม่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลก็เสื่อม หมดความชอบธรรมลงแล้ว เพียงแค่เราชี้ให้เห็น ถามว่าน็อคได้ไหม ถ้ารัฐบาลมีสำนึก รับผิดชอบ วันนี้คงน็อคไปแล้ว ไม่ต้องถึงมือเรา แต่เชื่อว่าถ้าถึงมือเรา ท่านอยู่ก็คงลำบาก”