คำกล่าวเปิดญัตติ โดย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
กราบเรียน ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ
และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ
ผม… นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
จากที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งได้ยื่นต่อท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ผมขอกล่าวสาระสำคัญในญัตติดังนี้…
(—อ่านญัตติฯ ที่ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร —)
ท่านประธานสภาที่เคารพ…
ประเทศไทย ณ เวลานี้…มาถึงจุดที่วิกฤตที่สุดอีกครั้ง …ไม่ใช่เพียงวิกฤตโรคระบาด ที่คนไทยเผชิญอยู่อย่างหนักหนาสาหัสเท่านั้น
แต่เป็นวิกฤตที่เลวร้าย รุนแรง และตอกย้ำความทุกข์ที่กดทับประชาชนไทยยิ่งกว่าโรคระบาดคือ …
“วิกฤตผู้นำรัฐบาล ที่โอหัง คลั่งอำนาจ ไร้ประสิทธิภาพ และน่าละอาย”
คือ “ผู้นำ ที่ขาดความรู้ ความสามารถในการจัดการปัญหา บริหารประเทศอย่างไร้ระบบ ไม่มีศักยภาพในการเชื่อมโยงระบบงานที่เกี่ยวข้อง กับการบำบัดรักษา การฟื้นฟูเยียวยา การป้องกันดูแลประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศ และไม่มีทิศทางการพัฒนาชีวิตทางเศรษฐกิจในอนาคต ให้กับคนไทย”
ที่ผ่านมา รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชาและพวก ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส ไม่สามารถเปิดเผยข้อเท็จจริงของการจัดการงบประมาณในสถานการณ์เร่งด่วน ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ทั้งในประเทศและในประชาคมโลก เห็นถึงศักยภาพในการกอบกู้วิกฤตครั้งนี้
แต่ในทางตรงข้าม กลับสะท้อนภาพการบริหารจัดการที่ล้มเหลว ไม่มียุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ในเชิงการป้องกันปัญหา
…มีแต่ การแก้ปัญหาผ่านคำแถลงที่เอาแต่ตำหนิประชาชนทุกครั้งไป
…มีแต่ การบริหารงานด้วยปาก ที่พ่นคำพูดแบบเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้ประชาชน
…มีแต่ ความเป็นผู้นำหลงตัวเอง หวงอำนาจ ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง จนไม่สามารถจัดการปัญหาใดๆ ให้คลี่คลายไปได้
ในขณะที่ทั้งโลกเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ผู้นำรัฐบาลไทย ไร้ความสามารถที่จะเข้าใจและประเมินสถานการณ์วิกฤตโรคระบาด และผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา
…จนในที่สุด ก็ไม่สามารถปกป้องประชาชนให้รอดปลอดภัยจากวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ได้
การแก้ไขปัญหา แบบ “เก่งคนเดียว” รวบอำนาจทั้งหมดไว้ที่ตัวเอง แต่ขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดความเห็นใจ และความใส่ใจที่จะรับฟังเสียงของประชาชน
…ทุกวันนี้การบริหารจัดการของผู้นำอย่างท่าน จึงมีสภาพผู้นำที่ “ขับเคลื่อนการทำงานด้วยการถูกด่า” เท่านั้น
…ทุกวันนี้ ประชาชนจึงต้องส่งเสียงก่นด่า ที่กลั่นออกมาอย่างคับแค้น ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชีวิต อนาคตของตนเอง ครอบครัว และคนที่เขารัก
…ประชาชนไทยสิ้นหวัง กับ…ผู้นำที่ทุกวันนี้ ยังสามารถยิ้มย่องและจ๊ะจ๋าได้ตลอดเวลา แอบอ้าง สร้างภาพ เอา ความดีปลอมๆ เข้าตัว ขณะเดียวกันก็กราดเกรี้ยว กล่าวโทษ โยนผิดให้ประชาชน ลดทอนคุณค่าของประชาชน …ทั้งๆ ที่มีผู้คนในประเทศ ล้มตายเป็นใบไม้ร่วงอยู่ทุกวันอย่างน่าอนาถ …ทั้งๆ ที่ตนมีอำนาจมากล้นเหลือเกินที่สามารถช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นได้
…สิ่งนี้บอกอะไร สิ่งนี้บอกว่า ท่านไม่ได้มีประชาชนอยู่ในใจเลยแม้แต่น้อย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านจะยอมรับหรือไม่ กับการกล่าวหาว่า…“ใจดำ ไร้หัวใจความเป็นมนุษย์” อีกทั้งยัง “โอหัง คลั่งอำนาจ ” …ท่านคงไม่ยอมรับ
แต่นี่เป็นคำที่อธิบายตัวตนท่าน อย่างชัดเจนที่สุดในช่วงเวลานี้
ท่านประธานสภาที่เคารพ…
เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล่าช้า ไม่ทันการ และไม่สามารถป้องกันความสูญเสียของประชาชนได้เลย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทราบหรือไม่ว่า การบริหารประเทศของท่านและพวก
ณ เวลานี้…ทุกๆ 7 นาที มีคนไทยต้องตาย เพราะการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่บกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลว และประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรง
ประเทศไทย ณ เวลานี้…เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจวันละกว่า 8,000 ล้านบาทจากการบริหารแบบไม่บริหาร จากมาตรการประกาศล็อกดาวน์ที่ผิดพลาด
ประเทศไทย ณ เวลานี้…ติดอันดับรั้งท้ายของโลก ในการบริหารจัดการปัญหาโควิด จนก่อให้เกิดความ เสียหายทั้งชีวิตประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศที่จะเกินเยียวยาแล้ว
ในข้อเท็จจริง หลังรัฐประหารด้วยฝีมือของท่านและพวก ได้ทำลายเศรษฐกิจของประเทศให้เสื่อมทรุดอย่างต่อเนื่อง ก่อนเกิดการระบาดของโรคเสียอีก …ไทยตกไปอยู่ในอันดับรั้งท้ายของกลุ่มอาเซียน กลายเป็นประเทศไม่มีอนาคต และเมื่อเกิดโควิด ไทยก็กลายเป็นไม่กี่ประเทศในโลก ที่จะสามารถทำให้ GDP ติดลบได้ 2 ปีติดกัน สิ่งๆ นี้ ถ้าไม่ล้มเหลวในการบริหารจริงๆ ก็จะเกิดขึ้นได้ยากมาก …โดยในปี 2563 เศรษฐกิจไทยตกต่ำมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และฟื้นตัวช้า รั้งท้ายประเทศต่างๆ ในโลก
และรัฐบาลพวกท่าน ยังกู้เงินใช้จ่ายจำนวนมหาศาล มากสุดในประวัติศาสตร์การกู้ แต่กลับนำเอามาใช้แบบไร้ประสิทธิภาพ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เยียวยาหว่านแห ไม่ได้สร้างงานสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน ล็อกดาวน์แบบเหมาเข่ง บอดมืดไม่มีทิศทางในการเยียวยาภาคธุรกิจอย่างเหมาะสม การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เชื่องช้า พลาดเป้าอย่างเหลือเชื่อ จนทำให้บริษัทต่างๆ ต้องปิดตัวลง ต้องล้มละลาย ต้องปลดแรงงาน จนทำให้อัตราการว่างงานในระบบประกันสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ภาคการเกษตร ที่ควรจะเป็นแหล่งค้ำจุนแหล่งสุดท้ายจากวิกฤตครั้งนี้ ก็กลับล่มสลายไปพร้อมๆ กับภาคส่วนอื่น เพราะความไร้สติปัญญาในการดูแลพืชผลการเกษตร สินค้าการเกษตรตกต่ำเป็นวิกฤตการณ์ ไร้ศักยภาพในการป้องกันการระบาดของโรคในสัตว์ ทั้งวัว ทั้งสุกร ล้มตาย เสียหายมหาศาล พี่น้องเกษตรกรทุกข์ยากแบบไม่เคยปรากฏมาก่อน เรียกได้ว่า “ล้มเหลวในการจัดหาวัคซีนทั้งของคน และของสัตว์”
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา …เป็นรัฐบาล ที่บริหารจัดการประเทศอย่างไร้องค์ความรู้ ไร้จริยธรรม และไร้ศีลธรรม …
***เป็นรัฐบาล “ที่กล้า ที่จะค้าความตาย” ส่งมอบความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานให้กับประชาชน อย่างถ้วนหน้า โดยท่านไม่รู้สึกละอายต่อสิ่งที่กระทำไป
19 เดือนเศษที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดเข้าสู่ประเทศไทย คนไทยติดเชื้อสะสมกว่า 1 ล้านคน และเกินหมื่นชีวิตที่ต้องจากครอบครัวไปโดยไม่มีโอกาสร่ำลา ผมขอถามผ่านท่านประธานไปยังท่านนายกฯ ว่า…
ท่านรู้สึกอะไรกับตัวเลขเหล่านี้บ้างหรือไม่
ท่านครับ “จำนวนคนตายไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือ ชีวิตและเป็นคนในครอบครัวของใครสักคน” นี่คือข้อความของผู้คนในสังคมที่สะท้อนบอกผ่าน social media ท่านได้ยิน ท่านรู้สึกเหมือนพวกเขามั้ยครับ
ท่านเคยบอกว่า ไม่อยากเห็นคนเจ็บ คนตายข้างถนน ในขณะที่ท่าน work from home ไม่เคยเดินลงมาจากหอคอยเพื่อมาร่วมทุกข์กับประชาชน ท่านไม่อยากเห็นภาพเหล่านี้เพราะอะไรครับ เพราะท่านกลัวความจริง
ไม่กล้าเผชิญความจริง นี่คือ ภาพความจริงที่สะท้อนถึงการบริหารที่ไร้สมองและไร้หัวใจ ของผู้นำประเทศอย่างท่าน
ท่านต้องยอมรับว่า “ท่านเป็นผู้นำรัฐบาลที่ขี้ขลาดที่สุด”
ในขณะที่การแก้ปัญหาวิกฤตโควิดตั้งแต่เริ่มต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับกล้าลุแก่อำนาจ ใช้ความเคยชินของตน “ยึดอำนาจการบริหารสถานการณ์โควิดจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง” ออกคำสั่งรวบอำนาจกฎหมายถึง 40 ฉบับ …นำพวกพ้องเข้ามาบริหารสถานการณ์โควิดเข้ามาบริหารสถานการณ์วิกฤต จัดคนไม่เหมาะกับงาน จนทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศที่ได้ชื่อว่าเข้มแข็งที่สุดในอันดับต้นๆ ของโลก ต้องกลายเป็นระบบที่ล้มเหลว
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่…
“ศบค. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจล้นฟ้า แต่กลับบริหารล้มเหลวไม่เป็นท่า”
สร้างความเสียหายทั้งชีวิต และ ทรัพย์สิน ของประชาชน มาจนถึงทุกวันนี้
การควบคุมการระบาด ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งขาดวิสัยทัศน์ ประมาท เลินเล่อ เชื่องช้า ไร้ทิศทาง ไร้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ท่านและพวกมีความกล้าที่จะหลอกลวงประชาชนด้วยเฟคนิวส์ ที่สร้างขึ้นมา เพื่อสร้างภาพให้เห็นว่าทำได้แล้ว จัดการแล้ว…แต่ประชาชนไม่ได้โง่เหมือนท่านและพวกนะครับ….คำพูดต่างๆของท่านและพวกที่ถูกบันทึกไว้ กลายเป็นหลักฐานกลับมาย้อนรอยให้เห็นความไม่จริงที่พวกท่านสร้างมาทั้งหมด
…ท่านไม่อายเหรอครับ
การระบาดทุกครั้งก็เกิดขึ้นจากความบกพร่องของรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล ทั้งแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย บ่อนผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในกรณีการระบาดระลอกล่าสุดจาก “ทองหล่อ คลัสเตอร์” รัฐมนตรีของท่าน ที่ไร้สำนึกรับผิดชอบ จนเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ที่ส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงจนถึงทุกวันนี้
รวมทั้งการปิดแคมป์คนงานที่หลักสี่ ซึ่งไร้การจัดการที่ดี ไร้การเตรียมแผนป้องกัน ได้ส่งผลให้เกิดปรากฎการณ์ระบาดแบบผึ้งแตกรัง ทำให้สายพันธุ์เดลต้าระบาดออกไปทั่วประเทศ จนสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง
มาถึงหัวใจสำคัญที่สุด นั่นก็คือ เรื่องของ “วัคซีน”…ความหวังที่จะช่วยชีวิตประชาชน ช่วยฟื้นสถานการณ์วิกฤตการระบาด
…ทั้งๆ ที่รู้ว่า วัคซีนคือทางออกและทางรอด ของประเทศ
แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและพวก กลับบริหารวัคซีนได้บกพร่อง ย่ำแย่ ประมาท เลินเล่อ และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชีวิตประชาชน และระบบเศรษฐกิจ ซึ่งผมจะขอชี้แจงให้เห็นประเด็นใหญ่ๆ ดังนี้…
- ท่านปฏิเสธ ที่จะสั่งซื้อวัคซีนให้หลากหลายชนิด หลากหลายยี่ห้อ มาตั้งแต่แรก แต่กลับทุ่มหมดหน้าตักไปกับวัคซีนเพียงตัวเดียว ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีวัคซีนน้อยชนิด อันดับรั้งท้ายของโลก
- ท่านปฏิเสธการเข้าร่วมโครงการ COVAX โดยอ้างเหตุผลต่างๆ ที่ช่างย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิง …ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในภูมิภาคนี้ ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ แม้ในที่สุดเมื่อทนต่อเสียงก่นด่า ของประชาชน และสถานการณ์ที่บีบคั้นไม่ได้ จึงกลับตัวจะเข้าร่วมโครงการ …แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า เราช้ากว่าประเทศอื่นไปเป็นปี เสียโอกาสการได้รับวัคซีนไปหลายสิบล้านโดส … ท่านทราบหรือไม่ว่า ทุกวินาทีที่ไทยได้รับวัคซีนล่าช้านั้น มันคือ ชีวิตของประชาชน ที่ต้องล้มตายเพิ่มมากขึ้น
- ท่านสั่งวัคซีน Sinovac ให้เป็นวัคซีนหลักของประเทศ ทั้งๆ ที่ในช่วงนั้นยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก…ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นวัคซีนคุณภาพต่ำ การระบาดของสายพันธุ์เดลต้าได้ตอกย้ำความด้อยประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac …แต่รัฐบาลของท่านก็ยังคงยืนยันจัดซื้ออีก โดยไม่สนใจคำคัดค้าน และคำถามที่เหตุใดวัคซีนประสิทธิภาพต่ำเช่นนี้ จึงมีราคาแพงกว่าวัคซีนอื่นที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงกว่า และเหตุใดรัฐบาลของท่านจึงยังดึงดัน สั่งซื้อซ้ำซาก อย่างไม่มีที่สิ้นสุด …จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทั่วทั้งแผ่นดินในขณะนี้ ต่างกังขาว่า…การกระทำเช่นนี้ …“หากไม่โง่ ก็คงโกง”
…ท่านต้องตอบให้ได้ว่า “คนของท่านมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไร ที่มันใหญ่กว่าคุณค่าชีวิตของประชาชน”???
***ยังมีข้อเท็จจริงอีกหลายประการเกี่ยวกับวัคซีน และการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตโรคระบาด ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะกล่าวในอีก2-3วันหลังจากนี้
แต่บรรทัดสุดท้ายของเรื่องนี้ ผมและพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด ยืนยันที่จะกล่าวหาว่า ท่าน***เป็นรัฐบาล “ที่กล้า ที่จะค้าความตาย” กับประชาชน
ท่านประธานสภาที่เคารพ…
วันนี้ การดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย รวมทั้งผู้ด้อยโอกาส ที่ดูแลตัวเองไม่ได้ กลายเป็นภาระที่อยู่บนบ่าอันเหนื่อยล้าของประชาชนด้วยกันเอง ที่ต่างช่วยกันตามกำลังที่มี…นี่คืออีกภาพสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลของท่าน
… “ถ้ารัฐบาลของท่าน ทำเต็มที่แล้ว ได้ผลอย่างที่ประเทศและประชาชนกำลังเผชิญหายนะอย่างทุกวันนี้ รวมทั้งประชาชนต้องมาแบกรับภาระช่วยเหลือกันเองแบบนี้ …พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาท่านควรพิจารณาตัวเอง ลาออกไปได้แล้วครับ”
ท่านประธานสภาที่เคารพ…
ทั้งหมดนี้ คือ ความล้มเหลว พังพินาศ เป็นอันตรายที่เกิดขึ้นกับประเทศที่เรารัก
สาเหตุก็มาจากความบกพร่องทางสติปัญญาและอารมณ์ของผู้นำประเทศอย่างพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้ซึ่งได้อำนาจมาด้วยการล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จนถึงทุกวันนี้ ผลที่เกิดขึ้น มันชัดเจนและรุนแรง อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาติ
ท่านประธานสภาที่เคารพ…
นอกจากการที่ผมและพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด จะใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติแห่งนี้ อภิปรายข้อเท็จจริงอันน่าตกใจ ในพฤติกรรมของท่าน…พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวก แล้วนั้น …
• วันนี้ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ ได้ร่วมกันแสดงเจตจำนงในรูปแบบต่างๆ ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา…ลาออก
• ผมจะขอเชิญชวนให้พรรคร่วมรัฐบาล “หยุดการมองเห็นแต่ผลประโยชน์ทางการเมือง และผลประโยชน์ส่วนตน ขอให้ท่านเปิดหัวใจ มองเห็นชีวิตของประชาชน” มาร่วมยืนยันเจตจำนงกับประชาชน ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา…ลาออก
…ท่าน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ผู้ทรงเกียรติ ครับ…
ผู้นำเช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือความอับอายของประเทศ โดยแท้
ผู้นำเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถนำพาประเทศและประชาชน ให้ผ่านพ้นวิกฤตใดๆ ได้อีกต่อไปแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ …ไม่ใช่ ผู้นำของปัจจุบัน ที่จะแก้ปัญหาวิกฤตใดๆ ได้อีก
พล.อ.ประยุทธ์ …ไม่ใช่ ผู้นำของอนาคต ไม่ใช่ความหวัง ของ ลูกหลานของเรา
พล.อ.ประยุทธ์ …เป็นได้เพียง “สิ่งที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย ในความทรงจำของ คนรุ่นต่อไป”…เท่านั้น
ท่านประธานสภาที่เคารพ
ผม และคณะพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงไม่อาจให้ความไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไปได้
ขอบคุณครับ