“เพื่อไทย” สวน “สุพัฒนพงษ์” พูดเศรษฐกิจผิด 6 ข้อ ท้าออกทีวีอธิบายพร้อมกัน ห่วง ถ้าไม่เข้าใจสถานการณ์จริงจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ แนะ ศึกษาแบบอย่างจากต่างประเทศ
นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม และคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา แม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ 5 รมต. จะได้คะแนนโหวตผ่าน แต่พลเอกประยุทธ์ ได้คะแนนไม่ไว้วางใจมากที่สุด โดยมีคะแนนไว้วางใจรองบ๊วยนั้น คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยยังมีความกังวลในหลักคิดทางเศรษฐกิจของพลเอกประยุทธ์ และรัฐบาล โดยพลเอกประยุทธ์เองไม่ได้ให้ความชัดเจนเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่และทรุดหนักว่าจะแก้ไขได้อย่างไร ประชาชนฟังแล้วไม่เข้าใจและไม่ตรงประเด็น นอกจากนี้การที่ให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว. พลังงาน ออกมาอธิบายเรื่องเศรษฐกิจแทนยิ่งไปกันใหญ่ เพราะนายสุพัฒนพงษ์ พูดเหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยอย่างแท้จริง และยังหลงละเมอคิดว่าเศรษฐกิจไทยยังไปได้ดี เหมือนอยู่คนละประเทศ ซึ่งน่าห่วงว่าถ้าคิดแบบนั้นจริงๆ จะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และเศรษฐกิจไทยจะยิ่งทรุดหนัก คนจะยิ่งลำบากกันมากขึ้นอีก โดยขอแนะนำ 6 ข้อทางเศรษฐกิจไทยที่นายสุพัฒนพงษ์เข้าใจผิดดังนี้
- นายสุพัฒนพงษ์ดีใจที่เศรษฐกิจไทยปีนี้ครึ่งปีแรกขยายได้ 2 % แต่ความจริงคือเศรษฐกิจไทยปีที่แล้วติดลบทั้งปีถึง -6.1% โดยไตรมาสสองของปีที่แล้วติดลบมากสุด ที่ -12.2% ดังนั้น ไตรมาส 2 ปีนี้ที่โตได้ 7.5% ก็ยังโตไม่เท่าที่ตกลงมา นายสุพัฒนพงษ์น่าจะต้องเสียใจมากกว่าดีใจ และปีนี้ในไตรมาส 3 และ 4 ก็ยังดูไม่ดีนัก แม้รัฐบาลจะเริ่มคลายล็อกดาวน์แล้ว แต่เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็ยังคงจะย่ำแย่อยู่
- การส่งออกของไทยที่ดีขึ้น ได้อานิสงส์มาจากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น แต่การนำเข้าของไทยขยายตัวสูงขึ้นมากกว่าการส่งออก อีกทั้งแม้การส่งออกจะดีขึ้นแต่ไทยก็ยังขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึง 3.43 แสนล้านบาท (2% ของจีดีพี) ทั้งนี้เพราะการท่องเที่ยวที่หายไปเกือบหมด ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดทางด้านบริการของไทยขาดดุลอย่างมาก ซ้ำเติมการขาดดุลทางการคลังปีนี้ของไทยอีกกว่า 5% ของจีดีพี
- การนายสุพัฒนพงษ์ อ้างว่า บริษัทจัดเครดิต มูดี้ส์ คงระดับเครดิตของไทยคงเดิม เหมือนกับจะอ้างว่าเศรษฐกิจไทยยังดีนั้นไม่เป็นความจริง เพราะเครดิตเรตติ้งของไทยที่คงที่ มาจากทุนสำรองต่างประเทศของไทยที่มีเป็นจำนวนมากถึง 2.50 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ที่เกิดจากการสะสมมาหลายรัฐบาลในอดีต แต่ปัจจุบันไทยมีการขาดดุลแฝดคือขาดดุลทางการคลัง และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ตามที่บอกข้างต้น ซึ่งไม่มีใครจะกล้าบอกว่าเศรษฐกิจไทยยังดีได้ หากปัญหานี้ไม่ได้แก้ไข เศรษฐกิจไทยจะยิ่งทรุดหนัก ดังนั้นจึงไม่อยากให้บิดเบือน
- นายสุพัฒนพงษ์ อ้างว่าเศรษฐกิจไทยแย่เพราะทุกประเทศเศรษฐกิจแย่หมด ซึ่งไม่จริง ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายได้ 5.6% และองค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะขยายได้ 6% โดยสหรัฐและจีนจะขยายตัวอย่างมากประมาณ 6-7% ดังนั้นจึงอยากให้นายสุพัฒนพงษ์ ได้ไปศึกษาว่าทำไมเศรษฐกิจของประเทศอื่นฟื้นกันอย่างมากแต่เศรษฐกิจไทยกลับไม่ฟื้น
- นายสุพัฒนพงษ์ อ้างว่าไทยมีการลงทุนจากต่างประเทศมาก โดยที่ไม่ได้อ่านบทวิเคราะห์ของ KKP(เกียรตินาคินภัทร) research ที่บอกว่าโลกเริ่มไม่สนใจไทยอีกต่อไป โดยมีหลายเหตุผลที่เกิดจากการบริหารผิดพลาดของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ และการลงทุนจากต่างประเทศของไทยลดลงมาตลอด 7 ปี โดยนักลงทุนไทยหนีไปลงทุนต่างประเทศกันมาก โดยนักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศมากกว่า นักลงทุนต่างประเทศที่มาลงทุนในประเทศไทย
- การช่วยเหลือบริษัท SMEs ตามที่นายสุพัฒนพงษ์ พูดในสภาไม่ว่าจะเป็น Soft loan และ การช่วยเหลือด้านต่างๆ ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเสนอมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่ได้มีการปฏิบัติอย่างแท้จริง เป็นแค่คำพูดเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากให้เร่งดำเนินการตามอย่างที่พูดไว้ จะได้ช่วยเหลือ SMEs ที่กำลังลำบากได้จริง
นี่เป็น 6 ข้อหลักที่จับความได้จากการอภิปรายของนายสุพัฒนพงษ์ ในสภาผู้แทนฯ ที่น่าจะเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยผิดพลาด และหากไม่เข้าใจให้ถูกต้อง รัฐบาลจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ซึ่งหากนายสุพัฒนพงษ์ มั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองพูดถูกต้อง คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยขอท้าให้อธิบายข้อมูลและเหตุผลพร้อมกันผ่านรายการทีวี และสื่อมวลชน เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสิน โดยที่ผ่านมารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ได้ตั้งสมมติฐานทางเศรษฐกิจผิดมาโดยตลอด พยายามแก้ตัวมากกว่าที่จะแก้ไข พูดบิดเบือนทางเศรษฐกิจจนตัวเองเชื่อเองว่าเศรษฐกิจไทยยังดี ทั้งที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่อย่างหนักมาตลอด ประชาชนรับรู้และรู้สึกถึงความลำบากทางเศรษฐกิจได้ ดังนั้นหากพลเอกประยุทธ์ ยังคงคิดไม่เป็นหรือคิดไม่ได้ ทั้งนี้อาจจะเพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังคงจะใช้คนที่ชอบแก้ตัวมากกว่าที่จะแก้ไข เศรษฐกิจไทยจะไม่มีวันจะฟื้นได้ และพลเอกประยุทธ์ควรจะต้องออกจากตำแหน่งไปได้แล้ว ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะเละไปกว่านี้