“เพื่อไทย” เตือน “ประยุทธ์” เปิดประเทศแบบไม่พร้อม ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม จะเสียหายมากกว่า ชี้ อย่าเบี่ยงประเด็นเพื่อกลบความแตกแยกใน พปชร. แนะ 8 แนวทางฟื้นฟูท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม ทำไทยกลับไปเป็นอันดับ 1 ด้านการท่องเที่ยว

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส. เชียงใหม่ ประธานอนุกรรมการนโยบายการท่องเที่ยว รองเลขาธิการ และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลจะเปิด 5 จังหวัดที่รวมถึง กทม. ในวันที่ 1 ตุลาคม และ อีก 21 ในวันที่ 15 ตุลาคม แต่เนื่องจาก รมว. ท่องเที่ยว แจ้งว่า กทม. ยังไม่พร้อมเพราะยังฉีดยากันไม่ถึง 70% จึงขอเลื่อนไปวันที่ 15 ตุลาคม ทั้งนี้ได้มีนายแพทย์ผู้ชำนาญการได้ออกมาเตือนเป็นห่วงว่า ถ้าไม่พร้อมจริง การเร่งเปิดประเทศ จะทำให้เกิดการระบาดครั้งใหม่ได้ ทั้งนี้เพราะปริมาณคนที่ได้รับวัคซีนในประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ประชาชนที่ฉีดเข็มแรกมีเพียง 39.9% ประชาชนที่ฉีด 2 เข็มมีเพียง 19 % การเปิดประเทศโดยที่ประชาชนยังได้รับการฉีดวัคซีนจะทำให้มีโอกาสเกิดการระบาดครั้งใหม่ได้

ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงคุณภาพวัคซีนที่ไม่สามารถจะป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้อีกเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุด ครม. อนุมัติซื้อวัคซีนโมเดอร์นา ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้ดี จำนวน 1 ล้านโดส เพื่อมอบให้กับสภากาชาด ทำให้แปลกใจว่าทำไม ครม. ถึงไม่สั่งซื้อ วัคซีนโมเดอร์นาในจำนวนที่มากๆ 20-30 ล้านโดส เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน ซึ่งน่าจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังระบาดในไทยได้ดีกว่าวัคซีนชนิดอื่น โดยเฉพาะป้องกันได้ดีกว่าวัคซีนซิโนแวคมาก จึงไม่เข้าใจหลักคิดของรัฐบาล

โดยไม่อยากให้คิดได้ว่าการที่พลเอกประยุทธ์ พยายามที่จะเปิดประเทศทั้งที่ยังไม่พร้อม ก็เพราะต้องการกลบข่าว คะแนนไม่ไว้วางใจมากสุด คะแนนไว้วางใจรองบ๊วย ความแตกแยกในรัฐบาล ความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่น่าจะจบง่ายๆ พลเอกประยุทธ์ ดูเหมือนจะเท้าลอยแล้ว เพราะเลขาธิการพรรค และเหรัญญิกพรรค พปชร. ยังคงเป็นคนที่พลเอกประยุทธ์ ปลดออกจาก ครม. แล้วจะมองหน้ากันติดได้อย่างไร รวมถึงการสอบสวนของประธานสภาเรื่องการแจกเงิน 5 ล้านบาทกับ ส.ส. เพื่อไม่ให้โหวตล้มนายกฯ ซึ่งถ้าทำเพียงเพื่อกลบข่าวเหล่านี้ ปัญหาต่างๆ จะตามมาอีกมาก

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากรัฐบาลต้องการที่จะเปิดประเทศ เพื่อรับนักท่องเที่ยว และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยขอเสนอแนวทาง 8 ด้านดังนี้

  1. เร่งฉีดวัคซีนคุณภาพให้ครบ ให้กับประชากรในแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งให้ถึง 70-80% และจะต้องคิดล่วงหน้าเพื่อ สั่งจองวัคซีนคุณภาพล่วงหน้าเพื่อจัดฉีดให้ประชาชนในปีถัดไปเช่น วัคซีน Novavax
  2. เตรียม ยารักษาไวรัส ยาป้องกัน สถานพยาบาลพร้อมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมในกรณีที่เกิดการระบาดของไวรัส เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับประเทศ
  3. เร่งพัฒนาปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว สร้าง landmarkใหม่ ให้มีความสวยงามและมีความสะดวกสบาย เพิ่มอันดับขีดความสามารถต่างๆ ในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวและเปิดการท่องเที่ยวในอนาคต
  4. ต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของการท่องเที่ยวในอนาคต ที่น่าจะมุ่งที่คุณภาพ ( Blue Ocean ) ของนักท่องเที่ยวมากกว่าปริมาณ และแต่การแข่งขันด้านราคา ( Red Ocean ) ทำอย่างไรให้ประเทศเป็นสถานท่องเที่ยวระดับสูง ที่จะสร้างรายได้อนาคตได้อีกมาก ทั้งพัฒนาให้ครบไปสู่การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนทั้ง White and Green Ocean ด้วย
    5.การเพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละอำเภอ โดยใช้หลัก CBT และ BCG เพื่อส่งเสริมการกระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึงเพื่อฟื้นระบบเศรษฐกิจในชุมชนและครัวเรือน
  5. ช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวที่มีปัญหาทางการเงินจากวิกฤตไวรัสโควิด โดยพิจารณาตัดหนี้ ตัดดอกเบี้ย ตัดเงินต้น ยืดการชำระเงิน เพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวสามารถดำเนินการต่อไปได้
  6. สร้างแอพพลิเคชั่นการจองโรงแรมและการท่องเที่ยวที่เป็นของประเทศไทยเอง เพื่อส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวและส่งเสริมธุรกิจด้านเทคโนโลยี
  7. ใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ เช่น Virtual reality, Augmented Reality เพื่อประกอบการท่องเที่ยวให้น่าสนใจ

แนวทางและนโยบายเหล่านี้จะเป็นทิศทางอนาคตที่จะทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้น อีกทั้งยังจะทำให้การท่องเที่ยวของไทยดีขึ้นกว่าเดิมได้ และจะเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอนาคตหากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้ามาบริหารประเทศ โดยจะมีนโยบายปรับปรุงการท่องเที่ยวให้พัฒนาที่มากกว่านี้ และเชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยกลับไปยืนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกได้อีกครั้ง จะสร้างงาน สร้างรายได้ กระจายรายได้ สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับประชาชนทั้งประเทศอีกครั้ง//