“อนุสรณ์” ชี้ “ประยุทธ์” ไม่ต้องพลิกโฉมประเทศ แต่ประชาชนต้องการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ส่งประยุทธ์กลับบ้าน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นิด้าโพลเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “นายกรัฐมนตรีกระชับอำนาจ” ว่า ประชาชนสะท้อนผ่านนิด้าโพลถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะตั้งพรรคของตนเอง เพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมัยหน้า เสียงส่วนใหญ่ร้อยละ 58.24 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 7.82 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย รวมสองส่วนแล้วเกือบร้อยละ 70 ที่ไม่เห็นด้วย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานล้มเหลว ขาดภาวะผู้นำ ไม่มีศักยภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาภายในประเทศได้ ส่งผลกระทบให้ประชาชนเดือดร้อน ถึงเวลาที่ควรยุติบทบาททางการเมืองได้แล้ว ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ หลบต่ำเป็นนายกฯเวิร์คฟอร์มโฮม พอรอดจากการเกือบถูกโหวตล้มกลางสภา เลยลงพื้นที่ถี่ แต่ก็เลือกลงเฉพาะในพื้นที่ส.ส.พรรคพลังประชารัฐฝั่งที่อยู่กลุ่มก๊วนเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลงพื้นที่ส.ส.พรรคพลังประชารัฐในฝั่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะลงพื้นที่หรือจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นธรรมไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งฝ่าย สะท้อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ มุ่งแก้ปัญหาความขัดแย้งในเครือข่าย 3ป.เป็นหลัก ก่อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พรรคเพื่อไทยไม่มี 3 ป. มีแต่การยึดประโยชน์ของ 2 ป.คือ ป.ประเทศชาติ และ ป.ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มาเกือบ 8 ปี เพิ่งคิดจะมาพลิกโฉมประเทศ ในขณะที่ประชาชนไม่ต้อง ประชาชนต้องการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยการส่งพล.อ.ประยุทธ์ กลับบ้าน
“เกือบ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานล้มเหลว ขาดภาวะผู้นำ ไม่มีศักยภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ส่งผลกระทบให้ประชาชนเดือดร้อน ถึงเวลาที่ควรยุติบทบาททางการเมือง เพื่อไม่ให้เป็นภาระของประเทศชาติและประชาชน” กล่าว
อนุสรณ์ แนะ เรืองไกร ต้องร้องสอบประยุทธ์ด้วย
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อ้างคลิป นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ร้องยุบพรรคเพื่อไทย อ้างมีนายทุนครอบงำพรรค ว่า ถือเป็นสิทธิของนายเรืองไกร พรรคเพื่อไทยมีหน้าที่ไปชี้แจงหากถูกเรียก ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร ว่ากันไปตามข้อกฎหมาย ตรงไปตรงมา แต่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐฝ่ายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตั้งคำถามว่า กรณีของพรรคเพื่อไทย อาจไม่ค่อยชัด เมื่อเทียบกับกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตั้งคำถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ การดำเนินการในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีหลักฐานชัดเจนอาจเข้าข่ายบงการครอบงำแทรกแซงพรรคหรือไม่ ทั้งจากกรณีไลน์หลุด กรณีมีนายทุนครอบงำพรรคเพื่อให้ส.ส.ที่เป็นสมาชิกพรรคโหวตเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ดังนั้นนายเรืองไกร จึงควรต้องร้องสอบกรณีของพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยหรือไม่
“การร้องยุบพรรคเพื่อไทยของนายเรืองไกรถือเป็นสิทธิ แต่ถ้าไม่ร้องกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจเข้าข่ายบงการครอบงำแทรกแซงหรือมีลักษณะเป็นนายทุนครอบงำพรรคพลังประชารัฐ จะถูกตั้งคำถามถึงมาตรฐานการดำเนินการว่าสองมาตรฐานหรือไม่” นายอนุสรณ์ กล่าว