นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี สถานการณ์อุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำที่เป็นปัญหาของรัฐบาล ว่า พรรคเพื่อไทยขอแสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ ส.ส.และบุคลากรทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในทุกพื้นที่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ปัญหาน้ำท่วมมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นจากปัญหาโลกร้อน Climate Change ก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมามหาศาล ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดสภาพอากาศรุนแรง เช่น คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง และ น้ำท่วม ทั่วโลกให้ความสำคัญ แต่ไม่เห็นความพยายามในการแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมของรัฐบาล 7 ปี ที่ผ่านมาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก ทำโครงการแบบปะผุ ขอไปที ไร้ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำแห่งชาติทั้งระบบ หว่านงบประมาณกระจายเป็นเบี้ยหัวแตกซึ่งไม่ช่วยแก้ปัญหาในระยะยาว น่าเสียดายที่โครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ 350,000 ล้านบาทของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำต่อ ถ้าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้รับความไว้วางใจอีกครั้ง แผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบครบวงจรจะต้องถูกนำใช้แก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซาก ไม่ต้องไปฝากความหวังไว้กับการสวดมนต์ไล่พายุเพียงอย่างเดียว ก่อนหน้านี้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ดูแลประชาชนช่วงน้ำท่วมก็ไม่เป็นประเด็นปัญหา แต่รัฐบาลนี้ทำให้การลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเป็นการประลองกำลัง ตบเท้าเช็คชื่อวัดบารมีหัวหน้ากลุมก๊วนของพรรครัฐบาล แก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง ละทิ้งปัญหาของประเทศชาติและประชาชน

“จะแก้โควิด หรือแก้น้ำท่วม รัฐบาลก็ท่องคาถาให้สวดมนต์แก้ไขทุกปัญหา ถ้าความรู้ความสามารถมีเท่านี้ ไม่แปลกที่ผ่านมา 7 ปี คะแนนความนิยมจะตกต่ำลงเรื่อยๆ” นายอนุสรณ์ กล่าว

อนุสรณ์ ชี้ ร้านอาหารควรเปิดถึง 22.00 น. บนพื้นฐานของความปลอดภัย เพื่อให้ธุรกิจได้รับการเยียวยา

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายกรัฐมนตรีเตรียมถกศบค.ชุดใหญ่ลดเวลาเคอร์ฟิว ผ่อนคลาย 10 กิจการ ร้านอาหารขอเปิดถึง 22.00 น. ว่า ถ้าการลดเวลาเคอร์ฟิว คลายล็อคกิจการ หรือการขยายเวลาเปิดร้านอาหาร ไม่ทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 กลับมาระบาดเพิ่มขึ้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่าควรผ่อนคลายเพื่อให้ธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ พรรคเพื่อไทยเห็นถึงความยากลำบากในการได้รับผลกระทบอย่างหนักของผู้ประกอบการ ร้านอาหารส่วนใหญ่ ตัวเลขผลประกอบการลดลงเหลือเพียง 5-10% จากผลกระทบของมาตรการที่ผิดพลาดของรัฐบาล การที่สมาคมภัตตาคารไทย เสนอขอเปิดร้านถึง 22.00 น. สมเหตุสมผล หากการขยายเวลาดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ศบค.ควรอนุมัติตามที่สมาคมภัตตาคารไทยเสนอ มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ถ้าเข้มมาตรการล็อกดาวน์เศรษฐกิจก็พัง ปล่อยเสรีเศรษฐกิจโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะกลับมาพุ่งสูงก็เป็นไปได้มาก

“ตอนสั่งล็อกดาวน์ปิดธุรกิจได้รับผลกระทบถ้วนหน้าแต่รัฐบาลเยียวยาแบบชิงโชค ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์บนพื้นฐานความปลอดภัย ธุรกิจอยู่ได้ ประชาชนมั่นใจ ควบคุมโรคอย่างปลอดภัย” นายอนุสรณ์ กล่าว