นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงาน พรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ ล้มเหลวในการจัดการทุจริตของรัฐ มีการปล่อยปละละเลยจนก่อให้เกิดความเสียหายกับงบประมาณของรัฐบาล พบว่าการดำเนินโครงการของรัฐบาล มีรายงานว่าพบการทุจริตในทุกโครงการของรัฐ แต่ที่รัฐบาลไม่เคยยอมรับอ้างว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ไม่เคยมีการติดตามการทุจริตแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยทุจริต ถือเป็นการโกหกกลางสภา

การทุจริตเกี่ยวกับการจัดการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 พบว่ามีการทุจริตหนักมาก ตั้งแต่คดีทุจริตทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยาง ขององค์การคลังสินค้า มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท การจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค แต่มีราคาแพง เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน พบมีส่วนต่างของราคาในการจัดซื้อทั้งสิ้น 2,098 ล้านบาท ล่าสุดการทุจริตในการลงทะเบียนจองคิวรับวัคซีนโควิด-19 โดยมูลค่าความเสียหายจากสำนวนตำรวจมีมูลค่า 7 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลไม่จริงใจในการจัดการจัดการทุจริตและหาประโยชน์จากความเดือดร้อนของประชาชน

นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ในขณะเดียวกันการแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำล้นของรัฐบาล ล้มเหลวซ้ำซาก พบว่า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ ใช้งบบริหารจัดการน้ำปีละประมาณ 6 หมื่นล้านบาท รวมแล้วมากกว่า 4 แสนล้านบาท แต่ประชาชนต้องประสบปัญหาภัยแล้งน้ำท่วมทุกปี งบประมาณตรงนี้รัฐต้องชี้แจงนำไปทำอะไร ที่สำคัญหลังการรัฐประหารปี 2557 พลเอกประยุทธ์ ประกาศแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำล้นอย่างบูรณาการ เป็นเพียงคำพูดให้ดูดีของพลเอกประยุทธ์ เท่านั้นใช่หรือไม่ แต่ไม่เคยทำได้จริง

“ถึงเวลานี้ประชาชนทั้งประเทศ หมดศรัทธาและไม่เหลือความเชื่อมั่นในตัวพลเอกประยุทธ์ อีกแล้วเพราะยิ่งอยู่นานปัญหายิ่งเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนปฎิเสธพลเอกประยุทธ์ มานานแล้ว การบริหารราชการที่ปล่อยปละละเลยจนสร้างปัญหาให้ประชาชนในทุกมิติ ทางที่ดีพลเอกประยุทธ์ ควรที่จะหาทางลงจากอำนาจได้แล้ว หากยั้งยื้อและยึดติดอำนาจต่อไป เกรงว่าพลเอกประยุทธ์ จะหาทางลงไม่ได้” นายสมคิด กล่าว