“พรรคเพื่อไทย” ร้อง ปอท. ดำเนินคดีชาวเนตส่งไลน์ใส่ร้ายป้ายสีเรื่องไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุข้าราชการเกษียณ
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนสมาชิกพรรค และนางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ให้ดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อใส่ร้ายนายสุทินและพรรคเพื่อไทยให้ได้รับความเสียหาย ผ่านเฟซบุ๊กและแอปพลิเคชันไลน์ โดยอ้างว่าพรรคเพื่อไทยเสนอให้ลดเงินบำนาญข้าราชการ ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง
.
นายสุทิน กล่าวว่า ได้ตรวจสอบพบผู้ใช้เฟซบุ๊กและแอปพลิเคชันไลน์ พยายามเผยแพร่เนื้อหาข้อความโจมตีพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ด้วยความเท็จ โดยบิดเบือนสาระสำคัญจากการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 แล้วใส่ร้ายว่าเป็นเสนอให้ลดหรือยกเลิกเงินบำนาญข้าราชการ ซึ่งไม่เป็นความจริงใดๆ ทำให้ตนและพรรคเพื่อไทยเสียหาย โดยสาระสำคัญในการอภิปรายครั้งนั้นคือ ตนไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุราชการจากเดิมที่จะเกษียณอายุ 60 ปี เป็นเกษียณอายุ 63 ปี และควรเอาเงินงบประมาณมาจ้างเด็กจบใหม่ให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เด็กจบใหม่มีงานทำ ลดปัญหาการตกงาน อีกทั้งเมื่อคนเก่าเกษียณอายุก็จะไม่ปิดกั้นโอกาสข้าราชการคนอื่นๆ ที่จะเจริญก้าวหน้าตามตำแหน่งหน้าที่เท่านั้น กลับถูกผู้ไม่หวังดีนำข้อความนี้ไปบิดเบือนข้อเท็จจริง
.
นายสุทิน กล่าวต่อว่า เมื่อทราบว่ามีความพยายามบิดเบือนทำให้เสียหาย ก็ได้แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้ว เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ที่พรรคเพื่อไทย เพื่อให้ผู้พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างความเท็จหยุดการกระทำ แต่กลับยังพบว่า ช่วงต้นปี 2564 จนถึงกลางปี 2564 กลุ่มบุคคลดังรายชื่อที่มีการเข้าแจ้งความวันนี้ ยังเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อสืบค้นย้อนหลังกลับไปก็พบเป็นกลุ่มที่มีแนวคิดการเมืองตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย ปลุกระดมไม่ให้ข้าราชการสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเจตนาในการทำลายชื่อเสียงของตนและพรรคเพื่อไทย อาจส่งผลให้ประชาชนเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของตนและพรรคเพื่อไทย จึงจำเป็นต้องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับบุคลหรือคณะบุคคลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในข้อหาหรือฐานความผิดโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม และข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่ว่าเป็นข้อมูลเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 และความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุด