“เพื่อไทย” ชู นโยบายสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมหนองคาย-เวียงจันทร์ เพื่อเชื่อมต่อรถไฟจีนที่มาแล้ว ชี้ ไทยจะได้ประโยชน์มากกว่าและเร็วกว่า แนะ พัฒนาความคล่องตัวค้าชายแดนฟื้นเศรษฐกิจ
นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขณะนี้รถไฟความเร็วสูงจากประเทศจีน ได้มาถึงกรุงเวียงจันทร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวแล้ว ซึ่งตรงข้ามกับ จังหวัดหนองคาย แต่รถไฟความเร็วสูงของไทยเพิ่งทำได้ 3.5 กม. ที่สั่งทำในสมัยที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็น รมว. คมนาคม และตอนนี้มาเป็น รมว. คลัง ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยเหมือนเสียเงินฟรี ใช้เวลาก่อสร้างถึง 2 ปีครึ่งกว่าจะเสร็จแค่ 3.5 กม. ดังนั้น คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้เห็นโอกาสของประเทศในการที่จะขยายการค้าการลงทุนกับประเทศจีน รวมถึงการท่องเที่ยวที่จะพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกมาก ในจังหวัดหนองคายรวมถึงจังหวัดในภาคอีสาน โดยภาวะวิกฤตไวรัสโควิดน่าจะหมดไปได้ในปีหน้าที่จะมียาและวัคซีนใหม่ๆ ออกมาทำให้การอยู่ร่วมกันแบบปกติกับไวรัสโควิดจะทำได้ จึงอยากเสนอนโยบายที่จะสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมจากกรุงเวียงจันทร์ เข้ามาจังหวัดหนองคายก่อน ไม่ต้องรอให้สร้างจากกรุงเทพไปโคราชและต่อไปหนองคายและค่อยเชื่อมเวียงจันทร์ เพราะจะใช้เวลานานหลายปี
การเชื่อมต่อไปเวียงจันทร์ ก่อนจะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ได้เร็วกว่าและมากกว่า ดังนั้นหากมีการเลือกตั้งและพรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศ นโยบายการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างจังหวัดหนองคายไปยังกรุงเวียงจันทร์ จะดำเนินการเป็นเรื่องเร่งด่วน แล้วค่อยก่อสร้างต่อมายังโคราช และ โคราชมากรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการสร้างย้อนกลับเพราะจะเชื่อมต่อได้เร็วกว่าและนักท่องเที่ยวจีนสามารถมาเที่ยวไทยได้เลย โดยเฉพาะในจังหวัดทางภาคอีสานซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ จะรีบทำก็นำไปทำได้เลย เพราะประเทศไทยจะได้ประโยชน์ แต่ถ้าพลเอกประยุทธ์ ไม่ทำหรือคิดไม่ได้และคิดไม่เป็น พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะทำอย่างแน่นอนและจะเร่งทำด้วย
นอกจากนี้ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เห็นว่า การส่งเสริมการค้าชายแดนให้คล่องตัวจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างมาก เพราะประเทศไทยได้ดุลการค้าอย่างมากจากการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ สินค้าและบริการของไทยเป็นที่นิยมในประเทศเพื่อนบ้าน หากส่งเสริมให้คล่องตัว ประเทศไทยจะได้รายได้เพิ่มขึ้นอีกมาก ไม่อยากให้ระบบราชการกลายมาเป็นอุปสรรคในการพัฒนาการค้าชายแดน ดังนั้นนโยบายของพรรคเพื่อไทยจะทำให้ระบบราชการในบริเวณชายแดนเอื้อประโยชน์ต่อการค้าชายแดนไม่ใช่ให้มาเป็นอุปสรรค โดยจะใช้ระบบดิจิตอล (Digitalization) และ ไบโอเมตริกเข้ามาใช้ เพื่อให้แม่นยำและคล่องตัว ลดอุปสรรคของระบบราชการแบบเดิมๆ เพื่อให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลง และการปรับประเทศเป็นระบบดิจิตอล (Digitalization) หรือ การเปลี่ยนแพลตฟอร์มของประเทศ จะเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยหากได้เป็นรัฐบาล โดยขนาดของราชการจะต้องเล็กลงและต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชาชนต้องได้ประโยชน์อย่างเต็มที่และมีสิทธิมีเสียงมากขึ้นตามทิศทางของโลก
ทั้งนี้จากการสอบถามสภาอุตสาหกรรมและสมาคมขนส่งทางบก ต่างเห็นตรงกันว่าหากน้ำมันดีเซลสามารถลดลงได้ลิตรละ 5 บาท ตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จะช่วยภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่งได้อย่างมาก สามารถลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ อีกทั้งประชาชนยังได้ลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก บรรเทาความเดือดร้อนในภาวะเศรษฐกิจทรุดหนักเช่นนี้ นอกจากนี้ ทิศทางราคาน้ำมันยังเป็นขาขึ้นและราคาน้ำมันอาจจะขึ้นไปอีกได้อีกซึ่งจะทำให้ประชาชนลำบากกันอีกมากและธุรกิจจะเพิ่มต้นทุนสูง ดังนั้นจึงอยากให้มีการลดราคาน้ำมันดีเซลลงตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะทำแน่ถ้าได้เป็นรัฐบาล
การจะฟื้นเศรษฐกิจของไทยที่ตกต่ำมาเป็นเวลานานเป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องอาศัยความรู้ความสามารถและความเข้าใจรวมถึงประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และที่สำคัญคือต้องคิดและทำหลายๆ เรื่องได้พร้อมๆ กัน พรรคเพื่อไทยมีบุคลากรและมีความพร้อม อีกทั้งมีประสบการณ์และหลักคิดมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจและนำพาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้ ประชาชนจะได้ไม่ต้องลำบากและจะอยู่ดีกินดีเหมือนในอดีตเหมือนช่วงที่พรรคเคยบริหารประเทศ ขอให้มั่นใจในพรรคเพื่อไทย