ครบรอบ2 ปี เลือกตั้ง 2562 เพื่อไทยชนะ พลังประชารัฐตั้งรัฐบาล

24 มีนาคม 2562 วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไปครั้งที่ 28 นับว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกหลังการรัฐประหาร 2557 และเป็นการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งถูกเขียนขึ้นภายใต้อำนาจคณะรัฐประหาร คสช. และได้รับการการันตรีจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐว่า “ออกแบบมาเพื่อพวกเรา”
.
ณ วันนั้น เกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองมากมาย ที่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย อาทิ ผู้แทนราษฎร 500 คน ที่มาจาก 26 พรรคการเมือง หรือกรณีที่พรรคการเมือง ซึ่งได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งของประชาชนมากที่สุด อย่าง พรรคเพื่อไทย ที่ได้ถึง 136 ที่นั่งไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากเงื่อนปมของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ ส.ว. 250 คนที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. เป็นเสียงสำคัญที่จะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภา
.
สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งได้รับคะแนนเสียงจาก ส.ว. 250 คน รวมกับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเล็กพรรคน้อย ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีและรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลังการเลือกตั้งที่ทำให้เครือข่ายพลเอกประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ หยิบจับเอาไปใช้ในการยืนยันต่อผู้คนว่า “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง”
.
นับจากวันนั้น เลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ท่ามกลางบริบทการเมืองและกฎกติกาบ้านเมืองที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าออกแบบมาเพื่อการสืบทอดอำนาจ โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ อย่างเรื่อง แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี , แผนปฏิรูปประเทศ หรือ 250 ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. และการบริหารบ้านเมืองภายใต้อำนาจของพลเอกประยุทธ์ ได้ทำให้สถานการณ์ต่างๆ ในประเทศไทยย่ำแย่ลงในแทบทุกด้าน

ขณะที่นโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้ง 2562 ยังคงเป็นสิ่งที่ชวนติดตามของสังคมไทย เพราะดูเหมือนหลายต่อหลายนโยบายไม่บรรลุผลสำเร็จตามที่เคยได้หาเสียงไว้
.
#ณวันนั้น จนถึงวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นที่มาสาเหตุทำให้สังคมไทยเดินมาถึงจุดที่หลายฝ่ายตั้งคำถามอย่างมากถึงศักยภาพ ประสิทธิภาพและความสามารถของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤต โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ประเทศไทยต้องเผชิญวิกฤตโรคระบาดที่ยาวนานนับปี แต่กลับไม่มีทีท่าว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น ซ้ำร้ายภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องว่าได้ทำให้วิกฤตโรคระบาด ทรุดหนักกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ และลุกลามเป็นวิกฤตการเมือง เกิดความขัดแย้งต่อเนื่อง เยาวชนและประชาชนได้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย และขับไล่รัฐบาลชุดนี้มาจนถึงทุกวันนี้