28ก.ค.48 “ถุงรับขวัญ” ก้าวแรกพัฒนาการเรียนรู้เด็กไทย

#ณวันนั้น รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ตั้งใจดูแลเด็กเล็กให้มีพัฒนาการเรียนรู้ทางสมองอย่างดีที่สุด เท่าที่จะทำได้
.
หลังลงหลักเรื่องหลักประกันสุขภาพ และการพัฒนานโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อให้ประเทศพัฒนาและเติบโต สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ให้ความสำคัญคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ ‘เด็กแรกเกิด’ คือจุดเริ่มต้นการพัฒนาที่สำคัญ
.
“พัฒนาการที่ดีจะต้องมาจาก 2 ส่วน คือ พันธุกรรมที่มาจากพ่อและแม่ซึ่งมีผลต่อเด็ก และการเลี้ยงดูที่ถือเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่รัฐบาลทำในวันนี้ จะทำให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่ดี มีการส่งเสริมเริ่มต้นการพัฒนาการอย่างถูกต้อง ทั้งด้านการสัมผัส การเรียนรู้ พัฒนาการด้านอารมณ์ และพัฒนาการสมอง ทั้งนี้ สมองของเด็กเปรียบเหมือนกับมีด หากเริ่มต้นลับที่ดี มีดก็จะมีความคม”
.
คือคำกล่าวของ ดร. ทักษิณ ชินวัตร ในวันเปิดตัว #ถุงรับขวัญ สำหรับเด็กแรกเกิด ก้าวแรกของการพัฒนาสมองเด็กไทย วันที่ 28 กรกฎาคม 2548 นับเป็นครั้งแรกของรัฐบาลไทยที่ดำเนินนโยบายสำหรับการเสริมพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสมองให้มีการพัฒนาการดีที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิดทุกคน
.
‘ถุงรับขวัญ’ คือหนึ่งในโปรเจกต์ของสถาบันวิทยาการการเรียนรู้ (สวร.) ที่ต้องการ ‘พัฒนาการเรียนรู้’ ของเด็กไทยบนพื้นฐานของสมอง (Brain Based Learning) เพราะโจทย์ขณะนั้นคือ ‘ไอคิวของเด็กไทย’ ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่การพัฒนา ‘เชาวน์ปัญญา’ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแบบเรียน แต่คือการพัฒนาศักยภาพสมอง และ ‘เวลาทอง’ ของพัฒนาการที่สำคัญคือช่วงปฐมวัย (0 – 7 ปี) การพัฒนาพัฒนาการทางสมองและเชาวน์ปัญญา จึงต้องทำตั้งแต่วัยนี้
.
พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ ผู้อำนวย สวร. (ตำแหน่งในขณะนั้น) จึงเสนอไอเดียกับรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร หารือเพื่อพัฒนาและวิจัยโครงการพัฒนาการเรียนรู้ของประชากรแต่ละช่วงวัย ตั้งใจทำทั้งในสถาบันการศึกษาและสถาบันครอบครัว แต่โปรเจกต์ที่เริ่มทำก่อนคือ ‘ถุงรับขวัญ’
.
ของรับขวัญในถุงประกอบด้วย ผ้าพัฒนาการ, ของเล่นพัฒนาการ, หนังสือนุ่มนิ่มลอยน้ำ, หนังสือสัมผัสร้องเล่นเต้นเพลิน, ซีดี/เทปกล่อมลูกชาวสยาม, หนังสือคู่มือพ่อแม่รับขวัญสมองสดใส, สติกเกอร์ถุงรับขวัญเด็กแรกเกิด และ การ์ดนายก
.
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นโครงการระยะสั้น ในเวลา 1 ปี คือ 28 กรกฎาคม 2548 – 27 กรกฎาคม 2549 โดยตั้งเป้าแจก 900,000 คน ทั่วประเทศ เนื่องจากต้องการให้เป็นโปรเจกต์ทดลองและสร้างองค์ความรู้ ซึ่งช่วง 1 ปีดังกล่าวจะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้ปกครองเข้าใจการกระตุ้นพัฒนาการเด็กในช่วง 3 ปีแรกของชีวิต โดยกรมอนามัยจะติดตามเก็บข้อมูลพัฒนาการของเด็กๆ ที่ได้รับการกระตุ้นด้วยของเล่นใน ‘ถุงรับขวัญ’ ซึ่งพบว่ากว่า 80% มีพัฒนาการตามวัย ของเล่นที่เด็กๆ ชอบที่สุดคือ ‘โมบายช้าง’ ซึ่งช่วยกระตุ้นการมองเห็นของเด็ก รองลงมาคือ ‘หนังสือนุ่มนิ่มลอยน้ำ’ สำหรับใช้ขณะอาบน้ำ
.
‘ถุงรับขวัญ’ ไม่ใช่แค่ของแจกฟรีให้กับพ่อแม่มือใหม่ แต่เป็นสัญลักษณ์ในการเห็นความสำคัญทรัพยากรมนุษย์ พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้วิชาการและสนับสนุนการเป็นผู้ปกครองมือใหม่ให้ประชาชน
.
ในภาพใหญ่ของการพัฒนาองค์ความรู้ในประเทศเรื่อง ‘การจัดการเรียนรู้บนฐานของสมอง’ ยังมีการเขียนหนังสือเรื่อง ‘เด็กไทยใครว่าโง่…เปลี่ยนการเรียนรู้ของเด็กไทยให้ทันโลก’ โดย ดร.ทักษิณ ชินวัตร , พญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ และ พรพิไล เลิศวิชา ย้ำทัศนคติเรื่องความคิดเชิงบวกเกี่ยวกับการจัดการศึกษา และความสำคัญของการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน
.
รัฐบาล คือหนึ่งในหน่วยงานสำคัญในการสนับสนุน สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ และใช้ทุกสรรพกำลังเพื่อพัฒนาคุณภาพประชากร กำลังหลักของประเทศในอนาคตต่อไป

ที่มา:
https://mgronline.com/qol/detail/9480000100923
https://mgronline.com/qol/detail/9480000063305
https://mgronline.com/uptodate/detail/9490000089074