ขอเสนอญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่ล้นเกินและขัดต่อหลักนิติธรรม ต่อผู้ต้องขังทางการเมือง
เรื่อง ขอเสนอญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่ล้นเกินและขัดต่อหลักนิติธรรม ต่อผู้ต้องขังทางการเมือง
กราบเรียน ประธานสภาผู้แทนราษฎร
ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงว่าในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและจำเลยในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับ การชุมนุมและการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมือง ทั้งในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาของศาลนั้นอาจไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ขัดต่อหลักนิติธรรม และละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หลายประการ เช่น มีการตั้งข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินจริง การไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการสอบสวน และระหว่างการพิจารณาคดีของศาลเป็นต้น ทั้งที่การกระทำของผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นพื้นฐานเป็นเพียงการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการแสดงออกทางการเมือง ไม่ได้ก่อให้เกิดภยันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลใด อีกทั้งผู้ต้องหาที่กระทำผิดส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน หลายคนยังศึกษาอยู่ สมควรที่จะได้รับโอกาส ในกระบวนการยุติธรรม ในการขอปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อต่อสู้คดีเฉกเช่นผู้กระทำความผิดอาญาอื่นๆ และได้โอกาสในการศึกษาต่อไปเพื่อเป็นกำลังสำคัญของชาติ แต่พนักงานสอบสวนกลับใช้กลไก ทางกฎหมายจากการกล่าวโทษ เพื่อดำเนินการในลักษณะปิดกั้นหรือปิดโอกาสในการขอปล่อยตัวชั่วคราว รวมถึงการใช้ดุลยพินิจของศาลในการไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวก็ไม่สอดคล้อง กับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและไม่เป็นไปตามบรรทัดฐานที่ถูกต้องเหมือนดังที่ปฏิบัติในคดีอาญาอื่น เช่น ข้อหาฆ่าคนตาย ข้อหาปล้นทรัพย์ ข้อหาเกี่ยวกับความผิดทางเพศ ซึ่งผู้ต้องหาหรือจำเลยส่วนใหญ่ก็ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
การดำเนินการของพนักงานสอบสวนและการใช้ดุลยพินิจของศาลเกี่ยวกับการ ปล่อยชั่วคราวได้ทำให้ผู้ต้องหาและจำเลยในคดีทางการเมืองเกิดความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ต่อกระบวนการยุติธรรม เหมือนตนเองได้ถูกแบ่งแยกออกจากความยุติธรรม ซึ่งการกระทำดังกล่าวนำมาซึ่งความแตกแยกทางความคิดของบุคคลในสังคมให้ขยายวงกว้างขึ้น และส่งผลกระทบ ต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง จึงเป็นการจำเป็นที่จะต้องพิจารณาศึกษาและสอบหา
ข้อเท็จจริงเพื่อหาข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่อฝ่ายบริหารและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ดำเนินการ บังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ สอดคล้องกับหลักนิติธรรม พันธกรณีระหว่างประเทศ และเคารพต่อสิทธิมนุษยชนของบุคคล อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและความผาสุกโดยรวมของประชาชน
ดังนั้น จึงขอเสนอญัตติด่วนดังกล่าวมาเพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่ล้นเกินและขัดต่อหลัก นิติธรรมต่อผู้ต้องขังทางการเมือง ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 49 และข้อ 50 ส่วนเหตุผลและรายละเอียดจะได้ชี้แจงในที่ประชุมสภาต่อไป