“เพื่อไทย” ติง “ประยุทธ์” ระบบไทยแลนด์พลัสมีปัญหามาก จี้ ต้องคอยระวัง ยุโรประบาดรอบใหม่แนะ เร่งฉีดวัคซีนและกระจายยารักษาคุณภาพ
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส. เชียงใหม่ ประธานอนุกรรมการนโยบายท่องเที่ยว รองเลขาธิการ และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้เปิดประเทศและใช้ระบบไทยแลนด์พลัส แทนระบบเก่า ได้สร้างความสับสนอย่างมาก ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ โดยเฉพาะคนไทยต้องติดค้างอยู่ต่างประเทศเป็นหมื่นคนเพราะระบบไทยแลนด์พลัสยังใช้การไม่มีประสิทธิภาพ สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทยที่อยากเดินทางกลับประเทศไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ระบบการตรวจการติดไวรัสแบบ PCR Test ซ้ำซ้อน ทั้งที่คนไทยและคนต่างประเทศต่างก็ต้องตรวจการติดไวรัสแบบ PCR Test ก่อนขึ้นเครื่องบินภายใน 72 ชม. แต่พอลงจากเครื่องบินมาก็ต้องถูกตรวจซ้ำ สร้างความลำบากและเสียค่าใช้จ่ายอย่างมากสำหรับนักเดินทาง ซึ่งในต่างประเทศ เขาจะตรวจสอบครั้งเดียวก่อนขึ้นเครื่องบินเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้พิจารณาลดความซ้ำซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักเดินทางที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดและติดเชื้อน้อย เพื่อลดขั้นตอนเพื่อความสะดวก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ปัจจุบันการติดเชื้อในประเทศยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงคือประมาณวันละ 7-8,000 คน ยังไม่ได้ลดลงมากนัก และยังมีผู้เสียชีวิตวันละ 50-70 คน จึงอยากให้รัฐบาลให้ความระมัดระวังและเร่งฉีดวัคซีนคุณภาพให้กระจายมากขึ้น เพราะปัจจุบันจำนวนประชาชนผู้ได้รับวัคซีน 2 เข็มยังมีเพียง 54.9 % เท่านั้น ซึ่งยังต่ำมาก ในขณะที่ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีน 1 เข็มมี 67.6 % ซึ่งก็ยังต่ำเช่นกัน ในประเทศที่พร้อมจะเปิดปัจจุบันจะมีประชากรที่ฉีด 2 เข็มแล้ว ถึง 80-90% ซึ่งมากกว่าของประเทศไทยมาก
การที่พลเอกประยุทธ์ เร่งเปิดประเทศทั้งที่ไม่มีความพร้อม เป็นความเสี่ยงอย่างมาก แม้จะเข้าใจดีว่า การต้องเร่งเปิดนั้นน่าจะมาจากปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าประเทศ ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนมาตลอดเรื่องการเร่งฉีดวัคซีนคุณภาพ 2 เข็มให้กระจายทั่วถึงประมาณ 70-80% การเปิดๆ ปิดๆ แบบไม่มีแบบแผน ซึ่งส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจจนมาถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ประเทศในยุโรปหลายประเทศเริ่มมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดครั้งใหม่ เช่น เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และ สาธารณรัฐเช็ค เป็นต้น มีการระบาดเพิ่มขึ้นสูงมาก ทั้งที่มีประชากรที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม สูงกว่าของประเทศไทยมาก ดังนั้น พลเอกประยุทธ์จะต้องระมัดระวังการระบาดรอบใหม่ โดยต้องเตรียมพร้อมทุกด้าน ทั้งการขยายสถานพยาบาลเพื่อรับผู้ป่วยเพิ่มในกรณีจำเป็นเหมือนในประเทศญี่ปุ่นดำเนินการ การเร่งฉีดวัคซีนให้เพิ่มขึ้นจนประชากรฉีด 2 เข็มถึงจำนวน 80-90% และ การสั่งซื้อยารักษาไวรัสโควิด เช่น ยาแพ็กซ์โลวิด ของบริษัท เมอร์คแอนโค ยาโมลนูพิราเวียร์ และ กระจายไปให้พร้อมเตรียมรับหากเกิดการระบาดรอบใหม่
ในภาวะวิกฤต ผู้นำจะต้องมีกรอบคิดให้ครบ และต้องพิจารณากรณีที่แย่ที่สุดที่จะเกิดปัญหามากที่สุดในอนาคต เพื่อเตรียมรับมือ ขนาดประเทศที่พร้อมกว่าไทย ดีกว่าไทย ยังต้องเตรียมพร้อม ซึ่งหากไทยประมาทโอกาสที่จะเกิดการระบาดครั้งใหม่จะมีมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใหญ่หลวง ซ้ำเติมความลำบากจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างมากอยู่แล้วในปัจจุบัน