เพื่อไทย เปิด 4 ข้อเท็จจริงจำนำข้าว เบรกรัฐ บิดเบือนโยนบาปกลบเกลื่อนหนี้โครงการประกันรายได้ ชดเชยเพียง 1 ปีผลาญงบกว่า 1.5 แสนล้าน ย้ำ คสช.ลดเกรดข้าวในสต๊อกขายทิ้งสร้างตัวเลขหนี้ป้ายสีฝ่ายตรงข้าม

นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีท่ีรองโฆษกรัฐบาล ออกมาแถลงข่าวโจมตีโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลท่ีผ่านมา ว่า การหยิบประเด็นนี้มาโจมตีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลชุดนั้น หมดหน้าที่และยุติโครงการไปนานกว่า 7 ปีแล้ว พอจะเดาได้ว่าเพราะโครงการประกันรายได้ของชาวนา ที่รัฐบาลนำมาใช้ ตามการผลักดันของพรรคร่วมรัฐบาลที่หาเสียงไว้ กำลังทำลายความมั่นคงทางการคลัง จนสร้างความเดือดร้อนไปทั้งรัฐบาล เพราะไม่สามารถช่วยชาวนาให้มีรายได้มากขึ้น และกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวได้ แตกต่างจากโครงการจำนำข้าวเปลือกที่มีรายงานของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานถึงความคุ้มค่าของโครงการ เป็นผลให้เศรษฐกิจขยายตัว เลยต้องปฏิบัติการ “เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น” หรือว่าเป็นเพราะชาวนาและประชาชนคนทั่วไปได้เข้าใจถึงประโยชน์ของโครงการรับจำนำข้าวดีขึ้นแล้ว จนทำให้ความเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยอยู่ในระดับที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้สังคมรับรู้ใน 4 ข้อเท็จจริงได้แก่

1.เรื่องตัวเลขขาดทุนทางบัญชีที่กล่าวอ้างนั้นเป็นการอ้างถึงยอดรวม 5 ฤดูกาลผลิต ตลอดอายุของรัฐบาลไม่ใช่ ปีงบประมาณเดียว แบบโครงการประกันรายได้ ปี 2564/65 งวดที่ 1 ที่มียอดเงินชดเชยราคา และโครงการประกอบที่มียอดรวมสูงกว่า 1 .5 แสนล้านบาท หากเปรียบเทียบกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกโดยใช้จำนวนฤดูกาลเพาะปลูกที่เท่ากัน จะเห็นชัดเจนว่าโครงการประกันราคาใช้เงินมากกว่า โดยไม่ได้อะไรเลย

2.การแถลงโจมตีเรื่องการขาดทุนทางบัญชีว่า เป็นผลมาจากการบริหารงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะข้าวในโครงการรับจำนำ กำลังรอการขายในปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำการรัฐประหาร และรัฐบาล คสช.ใช้อำนาจสั่งให้มีการระบายข้าวโดยนำข้าวคุณภาพดีไปจัดเกรดเป็นข้าวคุณภาพต่ำและขายออกในราคาต่ำและมีข้อกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ทุจริต เป็นคดีความจำนวนมากในชั้นศาล โดยที่รัฐบาลตกเป็นจำเลย เพราะทำให้ขายข้าวสารได้ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ผลขาดทุนทางบัญชีสูงกว่าที่ควรเป็นและโยนความผิด และให้ร้ายป้ายสีรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพื่อใช้เป็นข้ออ้างสนับสนุนการโจมตีของกลุ่ม กปปส.ที่หนุนให้เกิดการรัฐประหาร ส่วนโครงการประกันรายได้ของรัฐบาล และพรรคร่วมดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เป็นโครงการที่ไม่มีรายได้เลยสักบาทเดียว หากนำมาแสดงผลขาดทุนทางบัญชี จะเห็นว่า โครงการประกันราคาขาดทุนตั้งแต่เริ่มต้น

3.ประเด็นเรื่องหนี้คงค้างของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ที่อ้างว่ายังเหลือกว่า 2 แสนล้านบาทนั้น เป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลหนึ่งๆ จะรับช่วงดูแลภาระหนี้โครงการชดเชยแก่เกษตรกรที่คงค้างมาจากรัฐบาลก่อน เมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีหนี้เงินชดเชยสินค้าเกษตรค้างอยู่มากกว่าแสนล้านบาท ซึ่งรวมถึง หนี้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2552 และโครงการประกันรายได้ ปี 2552- 2554 ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่เห็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกล่าวโทษรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งยังเร่งดูแลชำระคืน ในปีงบประมาณ 2555และ2556 เป็นจำนวนเงินงบประมาณที่มากกว่าที่ใช้ในโครงการของรัฐบาลของตนเองเสียอีก ยอดรวม 3 ปีงบประมาณก็สูงเกือบแสนล้านบาท

4.เรื่องข้าวค้างสต๊อก 2 แสนตันนั้น เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะมีปัญหาเก็บรักษาไม่ดีจนเสื่อมสภาพ หรือไม่ขายออกทั้งๆ ที่ควรขายออกไปก็เป็นความผิดของรัฐบาลเอง จะมาโทษรัฐบาลที่ถูกรัฐประหารไปเมื่อกว่า 7 ปีมาแล้วคงไม่ถูกต้อง