“อรุณี” ชี้ คำขวัญวันเด็ก “ประยุทธ์” ไม่สนใจบริบทพลเมืองโลก เตือนเด็กไทยจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังเหตุผู้นำประเทศขาดวิสัยทัศน์

ดร.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนภาคการเมือง ร่วมระดมความคิดเห็นเพื่อสร้างกรอบความเข้าใจเกี่ยวกับ “ความเป็นพลเมืองโลก” ที่จัดขึ้นโดยคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาหลักสูตรที่จะตอบโจทย์การศึกษาในอนาคต โดยมีผู้ร่วมเสวนาจากตัวแทนหลากหลายจากทุกภาคส่วน เช่น นายนนทิกร กาญจนะจิตรา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ดร.ธนิต โสรัตน์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท V-SERVE GROUP นายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานคณะกรรมการสภาลมหายใจเชียงใหม่ ผศ.ดร.อรรถพล อนันตวรสกุล คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดร.อรุณี กล่าวว่า ความท้าทายในบริบทการเมืองไทยต่อการขับเคลื่อนสู่การเป็นพลเมืองโลก ปราการสำคัญที่สุดคือ

  1. “รัฐเสมือนเผด็จการ” เป็นรัฐที่ไม่มีสำนึกของการเป็นพลเมืองโลก เพราะมุ่งเน้นแต่เรื่องชาตินิยม ออกคำสั่ง ปราบปราม ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่เคารพความหลากหลาย ไม่สนใจสิทธิมนุษยชนที่ทั่วโลกตระหนัก ดังนั้นถ้าจะทำให้เด็กไทยและการศึกษาไทยมีสำนึกความเป็นพลเมืองของโลก สังคมไทยกลับมาเป็นสังคมประชาธิปไตยเต็มใบก่อน มีผู้นำที่มาจากครรลองประชาธิปไตยที่ถูกต้อง จากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่การแต่งตั้งของ ส.ว. รวมทั้งต้องมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เข้าใจโลก มากกว่าวิสัยทัศน์ที่ยังยึดติดกับดักการครอบงำทางความคิดของเด็ก สะท้อนผ่านคำขวัญวันเด็กในปี 2565 ที่ระบุว่า “รู้คิด รู้รอบ รับผิดชอบต่อสังคม”
  2. ทลายกรอบการศึกษาเดิมออกให้หมด สร้างกรอบการศึกษาใหม่ ที่มีศูนย์กลางของการเป็นพลเมืองของโลก ไม่เน้นเพียงการสร้างพลเมืองดีของชาติ หลักสูตรการเรียนการสอนจะต้องเข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีความภาคภูมิใจในการเป็นพลเมืองของประเทศและสมาชิกของโลก สร้างสำนึกในเรื่องสิทธิและหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย ความเป็นชาตินิยมต้องเบาบางลงและแทนที่ด้วยสำนึกของการเคารพคนอื่น ๆ วัฒนธรรมอื่น ๆ ที่มีความแตกต่างหลากหลายด้วย

ดร.อรุณี กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยมองเห็นความสำคัญของการเชื่อมคนเชื่อมโลกมาตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายส่งเสริมการศึกษาในต่างประเทศผ่านโครงการ 1 ตำบล 1 ทุน เพื่อเปิดโลกกว้างการเรียนรู้ให้เด็กด้อยโอกาส โครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทร หรือในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมตรี ก็มีนโยบาย One Tablet per Child ขณะที่ปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยมีแนวคิด ธนาคารหน่วยกิต (Academic Credit Bank) , การศึกษาตลอดชีวิต (Life long Learning) และ การศึกษาแบบสองภาษา (Bilanguages Learning) เพื่อทลายกรอบการศึกษาที่ไม่ควรจำกัดแค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเท่านั้น

“เราไม่มีทางสร้างเด็กไทยให้เป็นพลเมืองโลก และหลักสูตรการศึกษาไทยจะไม่มีทางพัฒนา ตราบใดที่ยังมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นผู้นำที่มาจากทหาร ที่มองว่าการกด ปราบ คือการควบคุม แต่มันได้ทลายความคิดสร้างสรรค์ของเด็กและเยาวชนให้พังลง หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ประเทศไทยจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังแน่นอน” ดร. อรุณีกล่าว