“พิชัย” ค้าน ควบรวม DTAC-True เกรงผูกขาดเอาเปรียบประชาชน จี้ “ประยุทธ์” ทำลายการผูกขาดทุกชนิด แนะ ผู้นำต้องเข้าใจเงินเฟ้อ อย่าดื้อรั้น เร่งลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ก่อนต้องยุบสภา
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ และอดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้ทะลุ $ 88 ต่อบาเรลแล้ว และ มีโอกาสที่จะทะลุเกิน $90 ต่อบาเรล ในอีกไม่นานนี้ ทั้งนี้สาเหตุมาจากความคลายกังวลในเรื่องความร้ายแรงของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน และความต้องการใช้นำ้มันสูงขึ้น เป็นไปตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แต่แรก ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น โดยราคาน้ำมันดีเซลทะลุลิตรละ 30 บาทแล้ว และราคาก๊าซหุงต้มก็เพิ่มขึ้น กองทุนน้ำมันจะต้องแบกรับภาระการสนับสนุนราคาน้ำมันดีเซล และก๊าซหุงต้มที่หนักขึ้น น่าจะพุ่งถึงเดือนละกว่า 6-9,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะแบกไม่ไหว โดยกระทรวงพลังงานได้เสนอให้กระทรวงการคลังลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เสนอไว้แต่แรกและยังคาดการณ์ล่วงหน้าว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นจนกองทุนน้ำมันแบกไม่ไหว ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ อย่าดื้อรั้นและเร่งลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนที่แบกรับภาระกันหนักมากจากภาวะ “แพงทั้งแผ่นดิน” ในปัจจุบัน อีกทั้งความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐที่ประทุขึ้นมาจน ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า และ 20 ส.ส. ต้องแยกตัวออกไปอาจทำให้พลเอกประยุทธ์ ต้องยุบสภาเร็วกว่ากำหนดได้ จึงอยากให้เร่งดำเนินการ
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้ทำให้ราคาก๊าซหุงต้มแพงขึ้นไปด้วย จนรัฐบาลต้องประกาศเพิ่มราคาค่าก๊าซหุงต้มในเดือนกุมภาพันธ์ แต่พอถูกด่าและคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยก็ได้ออกมาท้วงติง จึงขอเลื่อนการขึ้นราคาก๊าซไปอีก 2 เดือน ซึ่งก็ต้องขึ้นราคาอยู่ดีและจะทำให้ประชาชนลำบากมากขึ้น พลเอกประยุทธ์ ต้องเข้าใจก่อนว่าราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ ราคาไฟฟ้า เป็นต้นทุนของสินค้าทั้งหมด ถ้าปล่อยให้ราคาพลังงานเหล่านี้สูงขึ้น ราคาสินค้าและบริการจะสูงขึ้นหมด และเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับปัญหาที่พลเอกประยุทธ์ บริหารจัดการเรื่องโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมูผิดพลาดมาตลอด 2 ปี จึงทำให้หมูตายกันมากจนขาดแคลน ราคาหมูพุ่งสูง ส่งผลให้ราคาอาหาร เช่น ไก่ ไข่ไก่ ปลา ฯลฯ เพิ่มขึ้นตามหมด ซ้ำเติมราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น และสินค้าอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งเป็นสาเหตุของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น เงินเฟ้อจึงเป็นผลของราคาสินค้าที่แพงขึ้น ซึ่งไม่ใช่เป็นต้นเหตุของของแพง ที่ต้องอธิบายเรื่องเงินเฟ้อให้เข้าใจง่ายๆ นี้ เพราะห่วงว่าพลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ และคิดกลับห้วกลับหางว่าเงินเฟ้อทำให้ สินค้าราคาแพงเหมือนที่ให้สัมภาษณ์
ในภาวะของแพง หรือ “แพงทั้งแผ่นดิน” นี้ หากพิจารณาลงไปละเอียดจะพบว่า ปัญหาราคาแพงส่วนหนึ่งมาจากการผูกขาดของรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นราคาหมู ราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ ราคาปุ๋ย ราคาไก่ ราคาสินค้าต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น มาจากการปั่นราคาของผู้ผลิตรายใหญ่เกือบทั้งหมดด้วย ที่ซ้ำเติมฉวยโอกาส ทำให้ปัญหาของแพงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการซ้ำเติมและเอาเปรียบประชาชนในช่วงลำบากนี้ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ ได้ถือโอกาสนี้ทำลายการผูกขาดในทุกด้าน ซึ่งจะช่วยลดราคาสินค้าลงได้ อีกทั้งยังจะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนและคนรุ่นใหม่ได้พัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้าขึ้นได้ โดยไม่ถูกธุรกิจรายใหญ่ที่ผูกขาดกีดกันและกลั่นแกล้ง
ในเรื่องการผูกขาดนี้ ผมเองได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่าง True กับ DTAC และการค้าปลีก – ค้าส่ง ที่จะประชุมกันในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งขอแสดงจุดยืนว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการระหว่าง True กับ DTAC นี้ เพราะประชาชนจะเสียเปรียบ และจะก่อให้เกิดการผูกขาด เพราะ การใช้บริการโทรศัพท์มือถือมีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน และ เป็นช่องทางสำหรับการรับส่งข้อมูลข่าวสารที่สำคัญ การควบรวมจะทำให้มีสัดส่วนทางการตลาดถึง 52% และการมีผู้ให้บริการรายใหญ่น้อยรายลง ซึ่งในอนาคตหากมีการฮั้วกันระหว่างรายใหญ่จะทำได้ง่ายขึ้น หรืออาจจะเกิดการควบรวมของรายใหญ่ทั้งหมดกันอีกก็เป็นไปได้ อีกทั้งในอนาคตการพัฒนาทางเทคโนโลยีด้านโทรคมจะมีเพิ่มขึ้นอีกมาก ตามการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น การพัฒนา 6G และ Metaverse เป็นต้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีผู้ให้บริการมากราย เพื่อแข่งขันทางราคาในการให้บริการเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนที่เป็นผู้บริโภค ดังนั้นการควบรวมจะทำให้ประชาชนเสียเปรียบและจะสร้างปัญหาในอนาคตจากการผูกขาดได้ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ก็มีการผูกขาดการค้าปลีกค้าส่งไปก่อนหน้านี้แล้วจากการควบรวมระหว่างโลตัสกับแม็คโคร ซึ่งทำให้มีสัดส่วนการตลาดถึง 75.8% ซึ่งทำให้มีอิทธิพลเหนือตลาดอย่างแน่นอน แต่รัฐบาลก็ปล่อยให้ดำเนินการได้ ซึ่งผมเองจะเสนอการคัดค้านเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการในวันนี้
ดังนั้น นอกจากพลเอกประยุทธ์ จะเจอกับปัญหาเศรฐกิจไทยที่ตกต่ำและยังติดลบจากปี 2562 ปัญหาสินค้าแพง อาหารแพง หมูแพง ไก่แพง ไข่แพง พลังงานแพง น้ำมันแพง ก๊าซแพง ไฟฟ้าแพง เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น หนี้ทั้งรัฐและเอกชนพุ่ง หนี้เสียเพิ่มสูง ที่ยากจะแก้ไขแล้ว พลเอกประยุทธ์ ยังปล่อยให้เกิดมีการผูกขาดของผู้ผลิตและผู้ให้บริการรายใหญ่ที่เกาะกินเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด พลเอกประยุทธ์ จะต้องถือโอกาสนี้ในการกำจัดการผูกขาด ไม่ใช่เกรงใจพ่อค้ารายใหญ่เหล่านึ้ เพียงเพราะเขาสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ โดยนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยคือการทำลายการผูกขาดเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เอาเปรียบประชาชน อีกทั้งยังจะสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ในการพัฒนาธุรกิจก้าวขึ้นมาได้ โดยไม่ถูกผู้ผูกขาดรายใหญ่กีดกันและกลั่นแกล้งได้ การทำลายการผูกขาดจะเป็นการสร้างลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ให้กับประชาชนตามนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย ซึ่งหากการเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วจากปัญหาในพรรคพลังประชารัฐก็อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นและเลือกพรรคเพื่อไทยกันมากๆเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างหนักในปัจจุบัน