“เพื่อไทย” วอนรัฐหยุดรังแกประชาชน จี้แก้ปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้าไทยทำเกษตรกรไทยเสียหายหนัก เตือนหากไม่แก้อาจเกิด global supply chain crisis ซ้ำรอยต่างประเทศ

นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สินค้าจากจีนที่ทะลักเข้าไทยจากผลพวงของรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ที่ส่งผลดีและขณะเดียวกันนั้นได้สร้างผลเสียให้กับเกษตรกรไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาพืชผักที่ราคาตกต่ำสวนทางกับต้นทุนการผลิต ล่าสุดเกษตรกรในตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้นำผักกาดขาวลงดอยมาวางขายในตลาดนัดในศูนย์สินค้าเกษตร ที่อำเภอเมือง ในราคากิโลกรัมละ 1-2 บาท บางพื้นที่เกษตรกรจำใจต้องตัดทำลายผลผลิตก่อนเน่าเสียคาแปลงปลูกผัก เพราะหากตัดมาขายจะไม่คุ้มค่าต้นทุนการขนส่ง เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังสูงอยู่

นางสาวตรีชฎา กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรไทยตกที่นั่งลำบาก เพราะเจอสินค้าจีนทุ่มตลาดไทย แต่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ไม่แก้ปัญหาหรือหาทางออกให้เกษตรกรที่ต้องเจอกับปัญหารุมเร้า ทั้งต้นทุนการเพาะปลูกที่ขึ้นราคาทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าปุ๋ย ค่าน้ำมัน แถมรัฐบาลยังมีแนวคิดรังแกประชาชนด้วยการเตรียมเก็บค่าใช้น้ำชลประทานอีก ส่วนสินค้าของคนไทยที่จะส่งไปที่จีนกลับติดขัด เจอแต่ปัญหา ทำให้ทุเรียน ลำไย หรือพืชผลอื่นที่จะเข้าไปจำหน่ายในจีนเสียหาย เกษตรกรไทยเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง หากยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป ระวังจะเกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทานชะงักงัน(global supply chain crisis) เหมือนกับที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ แต่จะแตกต่างตรงที่ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการระบาดของโคมิครอน แต่หากเกิดขึ้นในไทย คงเป็นเพราะมาจากโรคระบาดทางความคิดของผู้นำประเทศที่ไร้ความสามารถในการบริหารจัดการ

“หากรัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศแล้วคนไทยจะเสียเปรียบขนาดนี้ ขอให้ลาออกแล้วไปพัก ขณะนี้ประเทศไทยและคนไทยต้องการผู้นำมืออาชีพ ที่มาแก้ปัญหา​ ไม่ใช่ผู้นำที่ปล่อยประชาชนต้องเผชิญสภาพตามบุญตามกรรม ก่อนที่เกษตรกรไทย คนไทย และประเทศไทย จะเสียหายไปมากกว่านี้” นางสาวตรีชฎากล่าว