“เพื่อไทย” เตือน “ประยุทธ์” มีโอกาสเสียตำแหน่งสูง ถ้าอยู่ถึงอภิปราย ม. 151 ชี้ คนทั้งประเทศเห็นแล้วว่าตอบการอภิปรายยังไม่ตรงคำถาม แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร แนะ รีบยุบสภาหรือลาออก
นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตามที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกันอภิปรายไม่ไว้วางใจตาม ม.152 แต่พลเอกประยุทธ์ กลับตอบในสภาไม่ตรงกับคำถาม ตอบเหมือนเขียนบทล่วงหน้ามาอ่าน ไม่ได้ตอบตรงคำถามที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทยอภิปรายเลย แถมยังตอบด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว โทษรัฐบาลที่แล้วทั้งที่ผ่านมาตั้ง 8 ปีแล้ว โทษประชาชน โทษภาวะของโลก แต่ไม่ยอมรับความผิดพลาดจากการบริหารของตนเองเลยโดยคนทั้งประเทศเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งหากยังไม่ยอมรับปัญหาทำเหมือนไม่ใช่ปัญหา พูดเหมือนทุกอย่างดีแล้ว ซึ่งจะไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาได้เลย ประชาชนจะยิ่งลำบากกันมากขึ้น
โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนกันอย่างมากจากความล้มเหลวในการบริหารของพลเอกประยุทธ์ แต่พลเอกประยุทธ์ ทำเหมือนไม่ใช่ปัญหาและปัดความรับผิดชอบ โดยมีหลายประเด็นที่พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ตอบเช่น ปัญหาของแพงพลเอกประยุทธ์ จะรับมืออย่างไร ปัญหาอันดับการทุจริตที่แย่ลงเรื่อยๆ จะแก้ไขอย่างไร จะอ้างว่าตนเองไม่ทุจริตแต่ดัชนีการทุจริตกลับทรุดลง 5 ปีซ้อน ปัญหาคนจนที่เพิ่มขึ้น คนตกงานที่พุ่งสูง ปัญหาราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นไปอีก การโอนเงินกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 20,087.42 ล้านบาทไป จะนำมาคืนประชาชนเมื่อไหร่ การที่ ปตท. ไปซื้อบริษัทต่างชาติ 1.48 แสนล้านบาท เหมาะสมหรือไม่ ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ คนตกงานกันมากเพราะประเทศไทยขาดการลงทุน แต่ปตท. กลับขนเงินไปลงทุนต่างประเทศ ปัญหาการท่องเที่ยว และจะยกเลิกค่าเหยียบแผ่นดินคนละ 300 บาทที่จะเป็นปัญหาหรือไม่ ความเสียหายจากความล่าช้าในการสร้างรถไฟความเร็วสูงทำให้ลาวแซงหน้าไทย ปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) ที่จะทำให้ราคาหมูแพงเป็นปีๆ รวมถึงปัญหาโรคลัมปีสกินในวัว ปัญหาประสิทธิภาพทางการเกษตรที่พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้พัฒนาเลยตลอด 7 ปี
นอกจากนี้ยังมี ปัญหาการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นหลายเรื่องโดยเฉพาะภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเก็บเพิ่มขึ้น 10 เท่า ปัญหาการอนุญาตให้ปิดกิจการประกันภัยที่รับประกันโควิดเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินคนที่ติดโควิดอีกในอนาคตที่โยงกับการซื้อที่ดิน 600 ล้านบาท ปัญหาการเอื้อประโยชน์เจ้าสัวในการปล่อยให้มีการผูกขาดทั้งการควบรวมแม็คโครกับโลตัส และ ล่าสุดการควบรวม True-DTAC และที่เป็นประเด็นสำคัญที่คนทั้งประเทศสนใจปัญหาเหมืองทองอัครา ที่มีการให้สัมปทานเกือบล้านไร่ เพื่อแลกการถอนคดีพิพาทที่พลเอกประยุทธ์ อาจจะแพ้เพราะใช้ ม. 44 นอกจากนี้ยังมีปัญหาอนาคตที่พลเอกประยุทธ์ ต้องรับมือ เช่น ปัญหาราคาสินค้าแพงและเงินเฟ้อที่จะมากขึ้น ปัญหาราคาน้ำมันที่จะแพงขึ้นไปอีก ปัญหาอัตราดอกเบี้ยที่จะสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยของโลกที่จะเพิ่มขึ้น ปัญหาที่รัฐบาลอาจจะหมดกระสุนอัดฉีดเงินแล้ว และปัญหาประชาชนไม่มีรายได้มาเพิ่มกำลังซื้อในการบริโภค ฯลฯ ที่พลเอกประยุทธ์ ยังไม่ได้ตอบแนวทางที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้เลย
ผลจากการอภิปรายและจากสภาวะเศรษฐกิจที่จะเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ เชื่อได้ว่าประชาชนจะทนกันไม่ไหว และจะต้องมีการเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ ออกจากตำแหน่ง และเสียงเรียกร้องจะดังขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงขอเตือนพลเอกประยุทธ์ ระวังให้ดี ถ้ายังดื้ออยู่ให้ถึงเดือนพฤษภาคมที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม. 151 ที่จะมีการลงคะแนนเสียงด้วย ถึงตอนนั้นปัญหาต่างๆ จะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย และประชาชนคงจะทนกันไม่ไหวแล้ว และจะกดดันมาที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ อีกต่อไปเพราะหากยังรับรองนายกต่อ ประชาชนก็คงไม่เลือกกลับมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเป็นแน่ ประกอบกับความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง โอกาสที่พลเอกประยุทธ์ จะถูกโหวตไม่ไว้วางใจจึงมีสูงมาก และจะเป็นไปได้สูงที่พลเอกประยุทธ์ จะถูกไฮแจ๊คตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกลางสภาตามคำเตือน ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ ควรจะต้องยุบสภาหรือลาออกก่อนการอภิปราย ม. 151 เพราะหากพลเอกประยุทธ์ ยังไม่รู้ตัวอีกไม่นานคงได้เห็นอะไรดีๆในสภาอย่างแน่นอน โดยหากเป็นจริงจะทำให้ประชาชนดีใจกันทั้งประเทศ