“นิยม” ซัดยุคนี้วงการสงฆ์ที่แสวงหาทางสงบ ทำไมกลายพันธ์เป็นแสวงหาอำนาจ สร้างมุ้งสร้างก๊วนกันในคณะสงฆ์ ถามนายกฯประยุทธ์ ใช้หลักเกณฑ์ไหนแต่งตั้งเจ้าอาวาส 50 วัด นายกฯ รู้เรื่องพระแค่ไหน ก่อนเสนอชื่อเจ้าอาวาสวัดหลวงให้สมเด็จพระสังฆราช นำความกราบบังคมทูลนั้น นายกฯ และที่ปรึกษาด้านพุทธศาสนาคนสนิท ได้กลั่นกรองดีแล้วหรือยัง ทำไมปล่อยให้มหาเถรฯ แต่งตั้งพระระดับมหาเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวง
ดร.นิยม เวชกามา ส.ส. จังหวัดสกลนคร พรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีมติแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดหลวง จำนวน 50 รูป ใช้หลักเกณฑ์ไหนมาตัดสินแต่งตั้ง เพราะเป็นที่เคลือบแคลงใจต่อพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ นายกฯ ไม่รู้เรื่องพระ ปล่อยให้มีการตั้งพระมหา เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวง โยกย้ายพระเด็กในสักกัด พระลูกน้องข้ามห้วยไปเป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่เหมือนย้ายข้าราชการ นี่มันวงการสงฆ์หรือการเมืองกันแน่ ถ้านายกฯ ยังบริหารสำนักพุทธแบบไม่เข้าใจ และปล่อยให้เกิดการสร้างมุ้งกันในคณะสงฆ์ อีกไม่นานเราคงจะได้เห็นประเทศไทย เจอวิกฤตเสื่อมศรัทธาในพระศาสนา จนเกิดความแตกแยกระส่ำระสายขยายวงกว้างหนักขึ้น จากเดิมมีแค่จังหวัดกาฬสินธุ์ ตอนนี้ ลุกลามใหญ่โตไปทั่วประเทศแล้ว
ตนเป็นห่วงพระพุทธศาสนาจึงได้ตั้งกระทู้ถามนายกฯ ประยุทธ ว่าก่อนที่นายกฯ จะนำเสนอชื่อเจ้าอาวาสวัดหลวงให้สมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิตนำความกราบบังคมทูลนั้น ได้ผ่านการกลั่นกรองมาอย่างละเอียดรอบคอบแล้วหรือยัง เพราะก่อนจะนำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทนั้น ถึงแม้ว่า กฎหมายจะกำหนดให้เป็นพระราชอำนาจก็จริง ก็ต้องได้รับการกลั่นกรองอย่างถี่ถ้วน รอบคอบ ตรงตามหลักเกณฑ์ก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่สามารถจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ นายกรัฐมนตรีได้ทำหน้าที่ตรวจสอบ กลั่นกรองเรื่องดังกล่าวนี้อย่างรอบคอบ ถี่ถ้วน มาแล้วหรือไม่ หากกลั่นกรองดีแล้ว ทำไมจึงปล่อยให้มีการสอดไส้ตั้งพระระดับมหาเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวง
ตนเกรงจะเหมือนกรณีนายกฯ เสนอให้ถอดสมณศักดิ์พระเงินทอนวัดผิดรัฐธรรมนูญอย่าแจ้งชัด จนป่านนี้ นายกประยุทธ์ก็ยังไม่ยอมตอบกระทู้ของตน แม้แต่กระทู้เดียว
มีข่าวพูดกันไปทั่วว่า พระระดับเจ้าคณะหน ใช้อำนาจหน้าที่ของตนในทางไม่ชอบ เล่นพรรค เล่นพวก โยกย้ายพระเด็กในสักกัด พระลูกน้องข้ามห้วยไปเป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่ ไม่คำนึงถึงความเหมาะสม และประเพณีการปกครองของคณะสงฆ์ที่มีจารีต อันงดงามสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ทำให้ปรากฏรายชื่อพระสังฆาธิการหลายรูปได้รับการเสนอชื่อ โดยใช้วิธียืมมือมหาเถรแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวง ท่ามกลาง ข้อวิพากษ์วิจารณ์จากหลายๆ ฝ่าย กรณีดังกล่าวนี้ นายกฯ จะแสดงความรับผิดชอบด้วยวิธีใด ทำอย่างไรจะทำให้มหาเถรสมาคมไม่ตกเป็นเครื่องมือเจ้าคณะหน อีกต่อไป เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ก็รังแต่จะสร้างความเสื่อมทรุดให้แก่วงการคณะสงฆ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นายกฯประยุทธ์ ทราบหรือไม่ กฎหมายคณะสงฆ์มุ่งประสงค์ที่จะให้มหาเถรเป็นองค์กรหลักในการทำงานของคณะสงฆ์ให้มีแบบแผนในการปฏิบัติ ดังเช่นที่ได้เคยปฏิบัติติดต่อกันมาอย่างยาวนาน ผู้ที่จะเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวง ต้องเป็นเจ้าคุณ หรืออย่างน้อยต้องเป็นพระครูชั้นพิเศษขึ้นไป แต่ในการแต่งตั้งครั้งนี้ กลับมีพระระดับมหา สอดไส้อยู่ในบัญชีในหลายวัดด้วยกัน สร้างความลักลั่น และเกิดความกระอักกระอ่วนใจในหมู่คณะสงฆ์กระจายไปทั่วประเทศ กลายเป็นเชื้อไฟสุมขอนที่รอวันปะทุ
นอกจากนั้น การจะย้ายพระสังฆาธิการจากวัดหนึ่ง ให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงอีกวัดหนึ่ง ทั้งๆ ที่วัดนั้นๆ มีพระที่มีความรู้ความสามารถ มีวัตรปฏิบัติเป็นที่ยอมรับของพระภิกษุสามเณรอุบาสกอุบาสิกาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ ก่อให้เกิดความแตกแยกร้าวฉานในหมู่พระภิกษุสามเณร เป็นสังฆเภท ทำให้สงฆ์แตกแยกจากกัน เป็นอนันตริยกรรม ดังกรณีที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุติ) จนถึงวันนี้ ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ ทั้งที่มีตัวอย่างเลวร้ายอยู่แล้ว แต่ยังดันทุรังทำผิดซ้ำอีก
นายกฯประยุทธ์ เคยรู้บ้างหรือไม่ว่า การจะเป็นเจ้าอาวาสของพระอารามต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น ต้องนึกถึงความผูกพันของญาติโยมกับพระที่เติบโตมาในวัด ซึ่งอุปัชฌาย์อาจารย์บวชให้ สืบต่อกันมาตามลำดับ ไม่ใช่จะโยกย้ายใครไป ใครมา ตามอำเภอใจ ก็ได้ ดังนั้นการจะแต่งตั้งพระสังฆาธิการรูปใด ก็แล้วแต่ให้มาปกครองพระอารามต่างๆ ต้องคำนึงถึงสายใยที่แนบแน่นในความสัมพันธ์ของพระอารามกับชุมชนนั้นๆ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกินกว่าที่คนอย่างนายกฯประยุทธ์ จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ลึกซึ้ง หากไม่เคยรู้มาก่อน ก็ขอให้รู้เสียเลยในเวลานี้ และเมื่อรู้แล้วจะมีวิธีการอย่างไรแจ้งให้กรรมการมหาเถรทุกรูป ได้สำเหนียกในเรื่องนี้ ก่อนที่มหาเถรจะเพลี่ยงพล้ำเสียหลัก จนชาวบ้านชาวเมืองหมดศรัทธาต่อมหาเถรไปมากกว่านี้
ตนเห็นว่า บ้านกับวัดต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงจะทำให้ชุมชนนั้นๆ มีความเข้มแข็ง เป็นภูมิคุ้มกันความมั่นคงแห่งชาติ และความผาสุกของประชาชน แต่วันนี้กลับตาลปัตร การตั้งเจ้าอาวาสโดยไม่คิดถึงหัวอกชาวบ้านที่อุปัฏฐากวัด เป็นการทำลายภูมิคุ้มกันของชาติ สร้างความหวาดระแวงของสังคม นับเป็นสัญญาอันตรายอย่างยิ่งต่อสถาบันหลักของชาติ
หากพระสังฆาธิการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหลวง จำนวน 50 วัด ตามมติมหาเถรที่ผ่านมา ไม่สามารถจะเข้ามารับหน้าที่ได้ หรือรับหน้าที่ไปแล้ว แต่ไม่สามารถจะปฏิบัติงานในหน้าที่ได้ จะด้วยเหตุใดๆ ก็สุดแล้วแต่ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุติ) นายกฯประยุทธ์ ซึ่งเป็นหัวหน้า ฝ่ายบริหารในท่ามกลางการแตกแยกมากที่สุดของวงการคณะสงฆ์ในประวัติศาสตร์ชาติไทย จะแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ ด้วยวิธีการใด และอย่างไร ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ หัวหน้ารัฐบาลชุดนี้จะต้องถูกจารึก ในประวัติศาสตร์ชาติไทยว่า เป็นรัฐบาลเดียวที่สร้างความระส่ำระสาย กลายเป็นตราบาปในวงการคณะสงฆ์ไทย ไปอีกนานเท่านาน ส.ส. นิยมกล่าว