“เพื่อไทย” สวน “ประยุทธ์” ไม่มีความรู้ต้องหัดศึกษาข้อมูล อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง จะถูกคนหาว่าโง่ ชี้ ประชาชนลำบากกันมาก บริหารล้มเหลว 7 ปี แต่ยังคิดว่าดี แนะ กลับไปอ่านข้อแนะนำทางเศรษฐกิจของ “เพื่อไทย” ที่ถูกต้องทั้งหมด ก่อนคนจะจนกันทั้งประเทศ

นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ ได้ออกมาเตือนสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ประชาชนลำบากกันมาก ราคาข้าวของแพง ไฟฟ้า ก๊าซ น้ำมัน ราคาพุ่งและจะแพงมากขึ้น เงินเฟ้อจะยิ่งสูง พร้อมทั้งเสนอแนวทางปรับลดราคา ไฟฟ้า ก๊าซ และ น้ำมัน ให้ลดลงอย่างเป็นรูปธรรมและทำได้จริง แทนที่พลเอกประยุทธ์ จะนำไปศึกษาและนำแนวทางดังกล่าวไปปรับใช้ กลับทำพฤติกรรมเหมือนเดิมคือส่งคนที่ไม่มีความรู้ ขาดความเข้าใจมาตอบโต้แบบมั่วๆ ยิ่งทำให้พลเอกประยุทธ์ หมดเครดิตที่แทบไม่เหลือแล้ว และขาดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นไปอีก น่าจะเป็นสาเหตุที่คนหาว่าโง่เพราะเหตุนี้ ทำให้คนยิ่งเอือมระอาตามผลโพลสำรวจล่าสุดที่ไม่เชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ แล้วถึง 77.89 % จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ ได้ศึกษาและเข้าใจปัญหาและความเป็นมาที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่จากข้อมูลทางราชการที่เป็นจริงและพิสูจน์ได้ดังนี้

การที่พลเอกประยุทธ์ ให้คนออกมาตอบโต้มั่วบอก เศรษฐกิจไทยปี 2555 ในช่วงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสมัยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขยายตัวได้ถึง 7.2% มาจากประชานิยม ดังนั้นจึงอยากให้ความรู้ว่า รัฐบาลในขณะนั้นทำสำเร็จเพราะมีนโยบายหลายด้านออกมาพร้อมกัน ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มาก เช่นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท นโยบายช่วยชาวนา บ้านหลังแรก รถคันแรกที่ทำให้การลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามาก ยกเว้นการเก็บกองทุนน้ำมันทำให้ราคาน้ำมันเบนซินลดลงลิตรละ 7-8 บาท ลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% และ เหลือ 20% ฯลฯ หาเสียงแล้วทำได้จริง ทำให้คนไทยกินดีอยู่ดี มีเงินเต็มกระเป๋า ก็อยากย้อนกลับไปถามพลเอกประยุทธ์ ว่าพลเอกประยุทธ์ ใช้เงินมากกว่าประชานิยมมาก ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 20 ล้านล้านบาท ทำให้หนี้ประเทศพุ่งไป 10 ล้านล้านบาทแล้ว เหตุใดเศรษฐกิจไทยถึงไม่สามารถขยายตัวได้เท่าสมัยนั้น คนไทยกลับมีหนี้ท่วม โดยหนี้ครัวเรือนมากขึ้นไปถึง 15 ล้านล้านบาทแล้ว แสดงว่าพลเอกประยุทธ์ใช้งบประมาณไม่เป็น คิดเป็นแต่แจกเงิน บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวใช่หรือไม่ ทั้งที่ราคาน้ำมันในช่วง 7 ปี ลดลงอย่างมาก ยอดการนำเข้าลดลงถึงปีละ 5-6 แสนล้านบาทต่อปี (3-4% ของ จีดีพี) แต่พลเอกประยุทธ์ ยังไม่สามารถทำให้ จีดีพีไทยโตได้เท่ากับราคาน้ำมันที่ลดลงเลย นี่ยังไม่พูดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐจำนวนมากที่พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ทำ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท ข้าวเจ้าตันละ 12,000 ข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 บาท เงินเดือนอาชีวะ 18,000 บาท ปริญญาตรีเดือนละ 20,000 บาท โครงการมารดาประชารัฐ เป็นต้น หาเสียงแล้วไม่ทำเลย

ทั้งนี้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและอยากขอให้เป็นบันทึกของประวัติศาสตร์ประเทศไทย โดยอยากจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่าในปี 2556 เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายได้ 4% หลังจากปี 2555 ขยายตัวได้สูงถึง 7.2% แต่เพราะมีการประท้วงของ กปปส. ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และเชื่อกันว่ามีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ คสช. และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ปิดบ้านปิดเมืองทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ถึงกับติดลบ ถึงเช่นนั้น เศรษฐกิจไทยในปี 2556 ก็ยังขยายได้ถึง 2.9 % ถ้าไม่มีการประท้วงก็น่าจะถึง 4% เพราะครึ่งปีแรกของปี 2556 ยังขยายได้ 4.2% ต่อมาการประท้วงยังลามไปถึงต้นปี 2557 และพลเอกประยุทธ์ ได้ทำการรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และเป็นฝีมือของพลเอกประยุทธ์ ที่บริหารแล้ว เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 0.8% ในปี 2557 และเศรษฐกิจไทยก็ย่ำแย่มาตลอดหลังจากนั้นเพราะขยายตัวได้ต่ำสุด และต่ำที่สุดในอาเซียนมาตลอด การลงทุนจากต่างประเทศหดหายไปเกือบหมด ปี 2558 ขยายได้ 2.8% ปี 2559 ขยายได้ 3.2% ปี 2560 ขยายได้ 3.9% และ ที่โม้ว่าปี 2561 ขยายได้ 4.1% ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี และเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกในปีนั้นดี เศรษฐกิจสหรัฐบางไตรมาสในปีนั้นยังขยายได้ถึง 4.8% ซึ่งมากกว่าของไทยเสียอีก

พอหลังเลือกตั้งพลเอกประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง เศรษฐกิจไทยกลับยิ่งทรุดหนักในปี 2562 ก่อนมีวิกฤตการณ์ไวรัสโควิดเศรษฐกิจไทยขยายได้เพียง 2.4 % เท่านั้นที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี โดยไตรมาส 4 ปี 2562 ขยายได้เพียง 1.6% เท่านั้น และปี 2563 เกิดวิกฤตไวรัสโควิดเศรษฐกิจไทยตกต่ำสุดและติดลบมากสุดที่ -6.2% และปี 2564 ฟื้นขึ้นมาได้แค่ 1.6% นี่เป็นความล้มเหลวอย่างชัดเจน ตัวเลขเศรษฐกิจไม่สามารถจะมาโกหกกันได้ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำไมคนไทยถึงลำบาก รายได้ลด ตกงานกันมาก คนจนพุ่ง คนไทยต้องทุกข์ทรมานจากการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ มาตลอด 7 ปี มาเจอวิกฤตไวรัสโควิดอีก 2 ปี และมาเจอสงครามรัสเซียยูเครนซึ่งหนักมาก ประเทศจะเจอปัญหาหลายด้าน ทั้งน้ำมันแพง ข้าวของแพง เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขึ้น ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ยังไม่มีแนวทางที่จะฟื้นเศรษฐกิจได้เลย และอยากให้พลเอกประยุทธ์ ได้กลับไปอ่านทบทวนทุกเรื่องที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอซึ่งถูกต้องทั้งหมดมาตลอด ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างทางความรู้ความสามารถและแนวความคิดที่เหนือชั้นกว่ากันมาก

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาประชาชนทราบดีว่าใครโง่ใครฉลาด ใครเก่งหรือใครไม่เก่ง ใครบริหารประเทศได้ดีหรือใครบริหารล้มเหลว ผลงานทางเศรษฐกิจไม่สามารถจะใข้วาทกรรมมาบิดเบือนได้ เงินในกระเป๋าประชาชนเท่านั้นที่เป็นเครื่องตัดสิน ซึ่งพลเอกประยุทธ์ พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง หมดเวลาของความล้มเหลวแล้วก่อนที่ประชาชนจะจนกันหมดทั้งประเทศไม่ใช่คนจนหมดไปตามที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ได้โม้กันไว้

Categories: Uncategorized