หยุดเล่นการเมืองแบบเดิม “เฉลิม” จวกนักการเมืองหยุดวาทกรรมเก่าโจมตียิ่งลักษณ์พาดพิงถึง “แพทองธาร” จะประสบความสำเร็จทางการเมืองหรือไม่ให้ประชาชนตัดสิน ตอกรัฐบาลล้มเหลว 9 ด้าน แนะ “ประยุทธ์” ยุบสภา สลายพรรคร่วมรัฐบาล เลือกตั้งใหม่
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีนักการเมืองบางคนได้ออกให้ความเห็นในลักษณะกล่าวหา ถากถาง วิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา เกี่ยวกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยตนมองว่าเป็นการเริ่มต้นเรียนรู้ด้านการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 จึงอยากให้นักการเมืองที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์หยุดก้าวก่ายการทำงานของพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธารเข้ามาสู่การเมืองจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล และความสามารถเฉพาะตัว
ทั้งนี้ นักการเมืองบางรายที่ได้ให้ข่าวพาดพิงเรื่องเดิม เช่น ทุจริตจำนำข้าว ซึ่งศาลปกครองกลาง ได้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้คดีจำนำข้าวกว่า 3.5 หมื่นล้าน และยังเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนางสาวยิ่งลักษณ์ด้วย การกระทำของนักการเมืองที่ออกมาให้ข่าวในตอนนี้จึงถือเป็นเกมการเมืองที่ต้องการทำเพียงเพื่อซ้ำเติมนางสาวยิ่งลักษณ์ นำมาพาดพิงโจมตีนางสาวแพทองธาร ซึ่งยังบริสุทธิ์ทางการเมือง ตนไม่อยากให้คนที่มีความตั้งใจ มีความบริสุทธิ์ ต้องมาแปดเปื้อนเพราะนักการเมืองไม่กี่คน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้ตั้งข้อสังเกตุว่า กรณีการไต่สวนการทุจริตคดีระบายข้าว สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ของ ป.ป.ช.ยังไม่แล้วเสร็จ โดยกรมการค้าต่างประเทศอ้างว่าเอกสารหายในช่วงน้ำท่วมปี 2554 แต่เหตุใดเรื่องจำนำข้าวจึงถูกนำมากล่าวถึงซ้ำๆ ทั้งที่ศาลตัดสินไปแล้ว ดังนั้นจึงมองว่าทั้งหมดเป็นเพียงเกมการเมือง มีการวางแผนไว้เพียงเพื่อต้องการสกัดกั้นนางสาวแพทองธารเท่านั้น สุดท้ายแล้วพี่น้องประชาชนจะเลือกใคร เป็นสิทธิของประชาชน พรรคไหนได้คะแนนมาก พรรคนั้นมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้เปิด “อภิปรายนอกสภา” โดยกล่าวถึงความล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แก่
- ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ทันสถานการณ์ ปฏิบัติไม่ได้ และยังนำไปกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นการนำประเทศไปผูกกับสถานการณ์ในอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น เมื่อมีโควิดเกิดขึ้น ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เขียนไว้ก่อนโควิดจึงใช้ไม่ได้ หากจะแก้ไขต้องไปแก้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งแก้ไขได้ยากมาก
- นโยบายการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งล้มเหลว ในสมัยรัฐบาล คสช. พล.อ.ประยุทธ์ มีนโยบายชัดเจนว่า จะปฏิรูปประเทศ ปราบปรามทุจริตในภาครัฐ และขจัดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซ้ำยังแต่งตั้ง ส.ว.250 คน มีการจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ทำงานกันตั้งหลายปี จนถึงทุกวันนี้ยังไม่สำเร็จ
3.ขาดวิสัยทัศน์ ขาดความรู้ ความเข้าใจข้าราชการที่รักชาติ พล.อ.ประยุทธ์ขาดวิสัยทัศน์ มักจะสั่งราชการในลักษณะขาดความรู้ ความเข้าใจ ในเนื้อหาสาระ ไม่ได้ put the man on the right job วางคนไม่เหมาะสมกับงาน เอาคนไม่เก่งเศรษฐศาสตร์ บริหารประเทศไม่ได้ ทำให้การปฏิบัติตามนโยบายผิดพลาด การมอบนโยบายในการประชุมบ่อยครั้งมักไม่ตรงกับเรื่องที่ประชุม โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์มีเรื่องหงุดหงิด จนทำให้ข้าราชการระอา
4.ภาพลักษณ์บนเวทีต่างประเทศไม่ดี เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไปราชการต่างประเทศ บ่อยครั้งที่สื่อจะรายงานให้เห็นถึงอวัจนภาษาที่แสดงให้เห็นความไม่มั่นใจ ประหม่า ลนลานของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อต้องพบกับชาวต่างประเทศ มักจะใช้ภาษาอังกฤษแบบไม่มั่นใจทั้งที่ใช้ล่ามแปลได้ ทำให้ผู้นำของประเทศไทยในสายตาชาวโลกไม่ดี คนไทยไม่ภูมิใจ
- การแก้สถานการณ์โควิดประเทศล้มเหลวด้วยความไม่เข้าใจสถานการณ์ ดื้อดึง หรืออาจจะมีผลประโยชน์ ทำให้บริหารสถานการณ์โควิดช่วงแรกผิดพลาด เกิดการขาดแคลนวัคซีน หน้ากาก แอลกอฮอล์ หรือการสั่ง lockdown ทำให้ภาคธุรกิจล้มจนถึงวันนี้ ประชาชนที่ติดเชื้อไม่มีโรงพยาบาลรักษาจนเสียชีวิต ทุกวันที่สถานการณ์ปัจจุบันไม่รุนแรงมากเพราะระบบสาธารณสุขดี บุคลากรทางการแพทย์มีความสามารถ
- นโยบายแจกเงินตลอดเวลาส่งผลเสียในระยะยาวการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยการแจกเงินกับประชาชน โดยตรง (helicopter money)เหมาะสำหรับการใช้ในการแก้ปัญหาในระยะแรก เพื่อให้เงินสะพัด กระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ไม่ควรใช้ตลอดเวลาจะส่งผลเสียในระยะยาว
- การบริหารเศษฐกิจจากความขัดแย้งระดับโลกผิดพลาดสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเชีย-ยูเครน ทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันราคาสูงขึ้น
- การควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมพรรคการเมือง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคกรเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 และ 29 ห้ามมิให้คนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงออกหลายครั้ง ล่าสุดบน โต๊ะอาหารที่สโมสรราชพฤกษ์ พล.อ.ประยุทธ์ ไดเกระทำการลักษณะนี้อีก ซึ่งอาจถือเป็นความผิดในการยุบพรรค ผู้ครอบงำมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ และถูกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งได้
- การขาดภาวะผู้นำ พล.อ.ประยุทธ์ ขาดภาวะผู้นำ จะเห็นได้จากการแสดงออกในที่สาธารณะหลายๆ ครั้ง เช่น การแสดงอาการหงุดหงิดข่มขู่ ใช้คำพูดไม่สุภาพกับสื่อมวลชน การไม่มั่นคงกับคำพูด การแก้ปัญหาแบบแปลกๆ เช่น ขายยางพาราที่ดาวอังคาร หรือ ปลูกมะนาวกินเอง ต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์การทำงานและลักษณะภาษากายเป็นอย่างมาก ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดที่แพร่ระบาดได้ ทั้งที่มีตำรวจและทหารเป็นอย่างมาก ต้องไปแก้ปัญหาที่ต้นตอของปัญหา เหมือนอย่างที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดำเนินการและตนมาสานต่อจนแก้ปัญหายาเสพติดได้ พร้อมระบุมีนักการเมืองชั่ว ปลูกกัญชาในประเทศลาวรวมกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งนายอนุทินไม่รู้
ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้เปิดคลิปนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ยืนยันว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับผู้นำที่มาจากเผด็จการอย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งเปิดคลิปนายจุรินทร์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่หาเสียงก่อนเลือกตั้งยืนยันว่าตนเองนั้นสนับสนุน “ประชาธิปไตยสุจริต” ไม่สนับสนุนเผด็จการ แต่สุดท้ายทั้งสองคนมาร่วมรัฐบาล ตนยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์น่าสงสาร คนที่มาร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต่างรังเกียจท่านทั้งนั้น หากตนเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภา ให้นายอนุทินและนายจุรินทร์ ได้พ้นจากตำแหน่งไม่ต้องร่วมงานกับคนที่รังเกียจและไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีหลายครั้ง
“พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มาหลายปีแล้ว พอเถอะ ตอนรัฐประหารบอกจะทำหลายเรื่อง ความสงบจบลงที่ลุงตู่ แต่กลายเป็นรัฐบาลที่คนฆ่าตัวตายมากที่สุด ท่านต้องปรับปรุงตัวเองอย่าอวดดีถือเด่น ความผิดพลาดของท่าน ทั้งหมดตนวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลด้วยความเป็นจริง” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว