“เพื่อไทย” ชี้ ช่วง “ประยุทธ์” กทม. เสื่อมโทรมหนัก ไร้การพัฒนา ห่วง ปัญหาทับถมจะหมดทางเยียวยา แนะ พัฒนาแพลตฟอร์ม ปรับเปลี่ยนกรุงเทพให้ยั่งยืนนำเทรนด์โลก

นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่จะได้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ สมาชิกสภา กทม. 50 เขต เพราะไม่ได้มีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. มา 9 ปีแล้วตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งทำให้ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงและหน้าตาของประเทศไทย ได้เสื่อมถอยลงอย่างมากทั้งที่เป็นเมืองระดับโลก แต่ กทม. ไม่ได้มีการพัฒนาเลยเมื่อเทียบกับเมืองระดับโลกอื่นๆ ขนาด นายอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม. คนปัจจุบัน ที่มาจากการแต่งตั้งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังให้คะแนนตัวเองแค่ 5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน แต่ก็ยังจะอยากลงเลือกตั้งเพื่อทำงานต่อ และเมื่อนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. และ เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันออกมาเชียร์โดยบอกว่านายอัศวินเคยช่วยเหลือ กปปส. มาตลอด แต่นายอัศวินกลับบอกว่าไม่รู้จัก กปปส. ทั้งๆที่มีรูปถ่ายกับ กปปส. หลายภาพปรากฎอยู่ในโซเชี่ยล ทำให้คนสงสัยว่าตั้งใจจะหลีกเลี่ยงความจริงเพราะเหตุใด และ รังเกียจ กปปส. ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมโทรมนี้ ขนาดนั้นเลยหรือ ทั้งที่การได้รับการแต่งตั้งมาเป็นผู้ว่า กทม. อาจจะเพราะเกี่ยวข้องกับ กปปส. แต่แรกก็เป็นได้ เหมือนกับสมาชิก กปปส. คนอื่นๆที่ได้ดิบได้ดีกันในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ซึ่งอดไม่ได้ที่คนจะคิดกันว่าพลเอกประยุทธ์และ กปปส. มีความสนิทแนบแน่นกันอย่างมากจึงนำมาสู่การปฏิวัติและได้ครองอำนาจมาจะ 8 ปีแล้ว ทำให้สภาวะของประเทศไทย และ สภาวะกรุงเทพมหานคร ต่างก็เสื่อมโทรมลงอย่างมาก

ภาวะความเสื่อมโทรมของกรุงเทพมหานครจะต้องได้รับการแก้ไขแบบยกเครื่องครั้งใหญ่ จะให้คนที่ให้คะแนนตัวเอง 5 เต็ม 10 มาแก้ไขคงจะไม่ได้ เหมือนที่พลเอกประยุทธ์พูดเองว่าต้องใช้สติเลือกผู้ว่าฯ กทม. อย่าทำผิดซ้ำ เลือกผู้นำที่เหมือนไม่ได้เลือก ความล้มเหลวก็จะเกิดขึ้นในลักษณะที่คล้ายกัน เพราะ 8 ปีที่ผ่านมา กทม. ก็เละเทะไม่แพ้ประเทศไทยเลย ดังนั้นในฐานะคนกรุงเทพ คนรุ่นใหม่ และ ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยจึงอยากเห็นการพัฒนา กทม. อย่างเป็นรูปธรรม และ สอดคล้องกับรัฐบาลใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้งใหญ่ครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

การพัฒนากรุงเทพมหานครให้ทันสมัยเทียบชั้นกับเมืองรุ่นใหม่ อย่าง Amsterdam, Helsinki, Talinn ฯลฯ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน และจะต้องนำโมเดลของเมิองระดับโลกที่มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีระด้บสูงเข้ามาปรับใช้เพื่อ จัดระเบียบ ตรวจสอบ รักษาความปลอดภัย ป้องกันภัย และ พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงการฟื้นฟูและการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน ทั้งนี้รวมถึงการปรับระบบราชการของ กทม. ให้เป็นระบบ ดิจิตอล (Digitalization) ที่พรรคเพื่อไทยเสนอมาตลอด และ เด็กรุ่นใหม่ที่ได้ฟังพี่โทนี่เอง ก็รู้ว่าอินฟลูเอนเซอร์คนนี้ได้อธิบายความสำคัญในเรื่องการบริการพี่น้องชาว กทม. อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดค่าใช้จ่าย ดังนั้นการเลือกผู้ว่า กทม. และ สก. 50 เขต จะต้องพิจารณาเลือกให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น เพื่อการประสานงานของรัฐบาลและกทม. จะได้ราบรื่นและมีแนวทางที่ตรงกันในอนาคต

นอกจากนี้ การพัฒนา กทม. จะต้องคำนึงถึง การจะต้องลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยลดค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะของ กทม. ซึ่งเป็นแนวทางหลักของพรรคเพื่อไทย รวมถึงการพัฒนาระบบสาธารณสุขต่อยอด 30 บาทรักษาทุกโรค ให้มีคุณภาพมากขึ้น และ การพัฒนาระบบการศึกษาที่ประเทศไทยตามหลังประเทศในกลุ่มอาเซียนมาตลอด อีกทั้งจะต้องมีกองทุนพัฒนาชุมชนที่จะช่วยให้ชุมชนตัดสินใจได้ว่าควรจะพัตนาตนเองอย่างไร ซึ่งเป็นรูปแบบของการกระจายอำนาจประเภทหนึ่ง ทั้งหมดนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกลางและการบริหาร กทม.ให้มีความสอดคล้องและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา การบริหาร กทม. อยู่ภายใต้การบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ และ ผู้ว่า กทม. คนปัจจุบันก็เคยเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ของพรรค ปชป. ก่อนที่จะถูกเลือกจาก พลเอกประยุทธ์ให้เป็นผู้ว่า กทม. ที่ดำรงตำแหน่งมา 5 ปีแล้ว ซึ่งถ้า พี่น้อง ชาว กทม. ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงและอยากเห็นการบริหารแบบโมเดิร์นไนซ์ที่มีประสิทธิภาพ ก็ขอให้เลือกคนและพรรคที่มีแนวทางนี้ให้เข้ามาบริหาร กรุงเทพมหานคร เพื่อ ความสะดวกสบาย ปลอดภัย สะอาดและเป็นระเบียบ และที่สำคัญเพื่อการกินดีอยู่ดีในอนาคต