เดินหน้า ‘ปักธง ส.ส.ใต้’ ฟื้นความยิ่งใหญ่เหมือนยุคไทยรักไทย ‘เลขาธิการพรรคเพื่อไทย’ ลั่นดันภูเก็ต ‘เมืองเศรษฐกิจพิเศษ’ เร่งฟื้นท่องเที่ยว-สร้างรายได้ เพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชน ‘ผู้ประกอบการขนส่ง’ เข้าร้อง ‘พท.’ ช่วยต่อลมหายใจ ดันกองทุนฟื้นฟูปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ โวย ‘ประยุทธ์’ ปล่อยเผชิญโควิดตามยถากรรม ไร้การเหลียวแล

10 เมษายน 2565 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 สาขาพรรคเพื่อไทย จังหวัดภูเก็ต พร้อมพบปะหารือสมาชิกพรรคและรับฟังการสะท้อนปัญหาจากพี่น้องประชาชน ที่โรงแรม โบท ลากูน รีสอร์ต

นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อแก้ไขวิกฤตต่างๆ ที่รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพชุดนี้บริหารประเทศผิดพลาดสร้างความยากลำบากให้พี่น้องประชาชนอย่างแสนสาหัสมาตลอด จน 8 ปีที่ผ่านมาเสมือนประเทศและพี่ต้องประชาชนต้องติดอยู่ในหลุมดำ มองไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวันมองไม่เห็นอนาคต โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักของประเทศ และจังหวัดภูเก็ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ต้องซบเซาลงอย่างหนัก พี่น้องประชาชนต้องหยุดงาน ขาดรายได้ จำนวนมากต้องตกงาน ผู้ประกอบการต้องหยุดกิจการ ปิดกิจการกันจ้าละหวั่น ดังนั้นจึงหมดเวลาแล้วที่จะปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้มีอำนาจต่อไปแล้วทำให้พี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น

“พรรคเพื่อไทยมุ่งหวังที่จะคืนความมั่งคั่ง คืนชีวิตใหม่และคืนอนาคตให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องท่องเที่ยวหลักของประเทศ พรรคได้เตรียมที่จะศึกษาแนวทางการเพิ่มศักยภาพเพื่อยกระดับจังหวัดภูเก็ตให้เป็น ‘เมืองเศรษฐกิจพิเศษ’ เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้มากขึ้นในแต่ละปี ซึ่งจะช่วยให้พี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ตอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดีขึ้นและมองเห็นอนาคตอีกครั้ง และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายที่จะปักธง ส.ส.ภาคใต้ให้ได้อีกครั้ง เหมือนที่เคยทำได้ในสมัยพรรคไทยรักไทย โดยพรรคจะต้องมี ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้เห็นปากเป็นเสียงเป็นตัวแทนในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน พร้อมร่วมกันผลักดันนโยบายพรรคเพื่อไทยในการฟื้นฟูวิกฤต พัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษกิจในพื้นที่ให้กลับมาดึขึ้นอีกครั้งหนึ่ง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าว

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องชาวใต้ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งจะมาจากผู้ที่มาเยือนภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็น คนไทย ชาวต่างประเทศหรือนักธุรกิจ ดังนั้นเราจึงต้องทำให้ภูเก็ตมีความพร้อมในทุกด้าน

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ ขอให้ชาวใต้มีความหวังที่จะคืนชีวิตที่กินดีอยู่ดีและมีอนาคตที่ดีอีกครั้ง ขอให้ทุกท่านรอคอยโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นมืออาชีพ ที่จะมาแก้ไขปัญหาของทุกท่าน ผ่านการผลักดันนโยบยามที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนเพื่อให้ทุกคนไม่ลำบากเหมือนทุกวันนี้

ขณะที่ นายสนธยา หลาวหล้าง ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการปกครอง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมใหญ่สามัญ สาขาพรรคเพื่อไทยที่ภูเก็ตครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของยุทธศาสตร์การทำงาน การรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ จึงทำให้พี่น้องชาวภูเก็ตมีความมั่นใจในการดำเนินการของพรรคเพื่อไทยมากยิ่งขึ้นและพร้อมสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตของแกนนำพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ผู้ประกอบการรถบัสและกิจการขนส่งจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายชนวีร์ เอกเตียวสกุล ประธานชมรมรถบัส 30 จังหวัดภูเก็ตได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอความช่วยเหลือผู้ประกอบการรถขนส่ง อันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เหลียวแลช่วยเหลือใดๆ ซึ่งตลอดเวลาผู้ประกอบการต้องดิ้นรนหาทางรอดจากวิกฤตด้วยตัวเองมาตลอด โดยเฉพาะปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียน เพื่อหล่อเลี้ยงและปรับปรุงกิจการ จนภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นและถูกฟ้องร้องยึดรถและดำเนินคดีจำนวนมาก

โดย นายชนวีร์ กล่าวว่า วันนี้สิ้นหวังกับการรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในทุกด้าน เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมาไม่มีรายได้และไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นรัฐบาลอยากเสนอให้ตั้งกองทุนฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อเปิดให้กู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดได้