“เพื่อไทย” สวน “ประยุทธ์” ขาดความเข้าใจเศรษฐกิจ ภาพรวมและผลกระทบ เตือน ยิ่งใช้คนไม่รู้เรื่องภาพลักษณ์ยิ่งติดลบ แนะ หาคนฉลาดมาเป็นกระบอกเสียง
นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตามที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ได้ออกมาเตือนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เรื่องการปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลทะลุเกิน 30 บาทจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งกว่าเดิม และอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยที่รัฐต้องจ่ายดอกเบี้ยถึงปีละ 240,000 – 300,000 ล้านบาท จากเงินกู้ที่พลเอกประยุทธ์ กู้มาจนหนี้สาธารณะจะทะลุ 10 ล้านล้านบาทแล้ว ซึ่งรัฐบาลจะต้องจัดงบประมาณเพื่อชำระดอกเบี้ยที่สูงนี้ แล้วพลเอกประยุทธ์ก็ต้องมารีดภาษีกับประชาชน ทั้งภาษีที่ดินและภาษีหุ้น ซึ่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทำให้เศรษฐกิจไทยยิ่งทรุด ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่สะท้อนปัญหาที่จะเกิดจากการที่พลเอกประยุทธ์จะปล่อยให้น้ำมันดีเซลขึ้นเกิน 30 บาท แม้จะอ้างว่าจะช่วยครึ่งหนึ่งจากส่วนที่เกินแต่ความจริงก็คือปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลจะเกิน 30 บาทแน่นอน
การที่นายพิชัย ต้องตอกย้ำบางเรื่อง เช่นการทวงคืนเงิน 20,087.42 ล้านบาท จากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่เป็นเงินของประชาชนกลับคืนมา ก็เป็นเรื่องที่ตนก็ได้ตามทวงถามเหมือนกัน แต่พลเอกประยุทธ์ ไม่เคยตอบและไม่เคยชี้แจง แม้กระทั่งมีการอภิปรายในสภาพลเอกประยุทธ์ ก็ยังไม่ตอบ ซึ่งต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ ถึงไม่ตอบ จึงต้องมาตอกย้ำ โดยคาดหวังว่าพลเอกประยุทธ์จะชี้แจงหรือไม่ก็ต้องนำเงินจำนวนนี้มาคืน เพื่อใช้ในการประคองราคาน้ำมันดีเซลไปได้อีกสัก 1-2 เดือนเผื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจจะลดลงมาก็ได้ อีกทั้งยังจะได้ชะลอเงินเฟ้อด้วย นอกจากนี้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ยังคงเก็บอยู่ก็ควรที่จะลดได้ ทำไมถึงไม่ลด ไหนๆ ก็ลดลงมาลิตรละ 3 บาทแล้วจากที่นายพิชัย เรียกร้องหลายหน อีกทั้งอาวุธก็ยังจะซื้อกันอยู่ ทั้งๆ ที่คนกำลังจะอดตายกัน ซึ่งหากพูดแล้วนำไปทำก็คงไม่ต้องมาพูดกันอีกให้เสียเวลา น่าจะฟังครั้งเดียวรู้เรื่อง เพราะรัฐบาลยังมีปัญหาอื่นอีกมากแต่พลเอกประยุทธ์ กลับคิดได้ทีละเรื่อง แต่นี่กลับไม่ทำและปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญปัญหาตามยถากรรม
แทนที่พลเอกประยุทธ์ จะยอมรับฟังคำแนะนำเหล่านี้ และนำไปพิจารณาปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหา เพราะที่เคยแนะนำมาก็ไม่เคยผิด แต่กลับกระทำแบบเดิมคือส่งคนไร้ต้นทุนขาดความรู้มาโต้มั่ว แบบยังไม่เข้าใจภาพรวมของผลกระทบทางเศรษฐกิจเลย ซึ่งแสดงว่าพลเอกประยุทธ์ ก็คงขาดความรู้ความเข้าใจเหมือนกัน จึงต้องใช้คนประเภทเดียวกัน ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของตนเองดูแย่มาตลอด ตั้งแต่ใช้นายสิระ นางปารีณา และใช้นายแรมโบ้ ที่ล่าสุดต้องลาออกไปแล้วเพราะคลิปเสียงล็อตเตอรี่ ซึ่งต่างก็มีพฤติกรรมเหมือนกันหมด คือไม่มีความรู้ความเข้าใจแต่อยากจะพูด ผลคือผู้ที่ให้พูดก็พลอยดูแย่ตามไปด้วยแต่ก็ยังไม่คิดจะแก้ไข และยังคิดใช้วิธีแบบเดิมๆ จึงทำให้คนเกลียดกันมากขึ้น
ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ จึงควรต้องหาคนเก่งมาช่วยงานและช่วยเป็นกระบอกเสียง เพื่อจะได้เรียนรู้ได้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี ไม่ใช่เอาคนที่ไม่รู้เรื่องหรือรู้น้อยยิ่งกว่าพลเอกประยุทธ์ มาช่วยทำงาน ซึ่งนอกจากจะแก้ปัญหาไม่ได้แล้วยังจะสร้างความเบื่อหน่ายให้กับประชาชนที่กำลังจะหมดหวังกับพลเอกประยุทธ์ ลงไปทุกวันแล้ว//