นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตลอด 3 ปีที่ประเทศไทยต่อสู้กับสถานการณ์การ การระบาดของไวรัสโควิด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ ส่งผลให้ภาคธุรกิจกว่าร้อยละ 90 ล้มระเนระนาด ท่องเที่ยวพัง นักท่องเที่ยวหลักล้านเหลือเพียงหลักพัน ในขณะเดียวกัน อุปสรรคของการท่องเที่ยวคือ นักท่องเที่ยวเข้าไม่ถึงการตรวจคัดกรอง ส่งผลให้การหยุดการแพร่ระบาดได้ยากมาก เพราะรัฐไม่มีการเตรียมความพร้อมเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวม

นอกจากนี้ในภาคแรงงานถือว่าหนักสุด เพราะมีการสร้างผลการตรวจ ATK ปลอมเพื่อไม่ให้ตกงานหรือกระทบต่อการทำงาน ปัจจุบันการตกงานสูงมาก ทั้งจากการลดจำนวนพนักงานหรือธุรกิจเจ๊งปิดกิจการ แม้สถานการณ์โควิดดีขึ้น กว่าธุรกิจจะกลับมาก็ใช้เวลาอีกหลายปี รวมทั้งต้องเผชิญกับภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว ที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญหลังจากนี้

นายจักรพล กล่าวด้วยว่า ที่น่าห่วงคือ อาฟเตอร์ช็อคทางเศรษฐกิจที่จะตามมาอีกหลายระลอก รัฐยังไม่มีแผนงานรับมือ และไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร ดังนั้น เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขาดความรู้ความสามารถมากพอ ก็ควรจะลาออกไปดีกว่าจะอยู่เพื่อฉุดรั้งประเทศให้ลงเหวต่อไปทำไม

“ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการระเบียงเศรษฐกิจ หากพลเอกประยุทธ์ยอมเสียสละเพื่อประเทศชาติจริง ตามที่ยืนยันมาตลอด ว่ารักประเทศไทย พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะอาสาเข้ามาฟื้นฟูประเทศ ซ่อมแซมสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ สร้างรอยแผลไว้ให้คนไทย คณะทำงานพรรคเพื่อไทยพร้อมทำงาน หนักเพื่อให้เศรษฐกิจ และสังคม เติบโตไปพร้อมกัน แต่หากพลเอกประยุทธ์หวงอำนาจและหลงไหลในอำนาจ เชื่อว่าอนาคตประเทศไทยมองไม่เห็นอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาชัดเจนว่าพูดทุกเรื่องแต่ทำไม่ได้ซักเรื่อง ขอแค่ผลงานยังไม่มีจะช่วย ประเทศได้อย่างไร” นายจักรพลกล่าว