“อนุสรณ์” แนะ พล.อ.ประยุทธ์ การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุ ไม่อยู่จนตายคารัง อาจเป็นนายกฯนานหน่อย แต่ขึ้นอยู่กับประชาชน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจกำลังส่งสัญญาณแสดงถึงความไม่มั่นใจในการก้าวเข้าสู่ 3 สมรภูมิสุดท้าย ที่กลายเป็นอุปสรรคขวากหนามสำคัญ คือ
1.การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามมาตรา 151
2.การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
3.การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือนส.ค.2565
ถ้าไม่เข้าตาจน พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่นึกถึงประชาชน ก่อนหน้านี้บอกว่าไม่ออก “มึงมาไล่ดูสิ” มาวันนี้บอกว่าอยู่หรือไปขึ้นกับประชาชน สวนทางในสิ่งที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐบอกตั้งแต่แรกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา การให้ส.ว.250 คน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน เห็นชอบให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เป็นหลักฐานยืนยันชัดว่า การกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับคำพูดหรือไม่ ถ้ามีความจริงใจควรแสดงความมุ่งมั่นให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยเฉพาะมาตรา 272 ปิดสวิตช์ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี เป็นทางออกประเทศ และอย่าไปโบ้ยให้เป็นหน้าที่ของสภา เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่จริงใจ จะแก้ไขได้หรือไม่ ประชาชนทราบดี การเลือกตั้งที่ฟังเสียงของประชาชนโดยแท้จริง ประชาชนมีอำนาจในการกำหนดตัวบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง อย่างเช่น การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิกันคึกคัก เมื่อได้ผู้นำที่ประชาชนเลือกมาเองกับมือ วันแมนวันโหวต ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร สง่างามและเป็นธรรม ประชาชนยอมรับมากเพียงใด
“ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งรู้ตัวว่าการเป็นนายกฯ 8 ปีนานไปหน่อย ขอให้รู้ว่าประชาชนอยู่ในสภาพสิ้นหวังมองไม่เห็นอนาคตและโอกาสมานานมากกว่าที่พล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกมาก การแก้ไขกติกาให้เป็นธรรม สุจริตและเที่ยงธรรม ยึดโยงกับประชาชน ต้องลงมือทำ ไม่ใช่แค่พูดไปเรื่อย” นายอนุสรณ์ กล่าว