“ชญาภา” วอน “เสรี วงษ์มณฑา” หยุดนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่โจมตี “ดร.ทักษิณ” ไร้ความจริง พร้อมทวงนโยบายปราบโกงที่“ประยุทธ์” ประกาศตอนยึดอำนาจ ผ่านมา 8 ปีมีแต่แย่ลง

นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด และประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค ยกย่องการบริหารประเทศ 8 ปีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ดีกว่าในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมทั้งพาดพิงกล่าวหาเรื่องคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ว่า สิ่งที่นายเสรีกล่าวมา ไม่เหนือความคาดหมายที่ยังคงต้องออกโรงเชียร์พลเอกประยุทธ์ อยากให้ลุงตู่อยู่ต่อ เพราะที่ผ่านมานอกจากเคยมีส่วนร่วมเปิดประตูให้การรัฐประหารครั้งนั้นเกิดขึ้นแล้ว จวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยมีท่าทีและแนวคิดเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย กลับเชิดชูผู้มาจากเผด็จการและสืบทอดอำนาจด้วยจิตใจแน่วแน่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เห็นดีเห็นงามกับการใช้อำนาจนอกระบบที่ทหารออกมายึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากประชาชน จนประเทศชาติและเศรษฐกิจพังพินาศอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

นางสาวชญาภา กล่าวอีกว่า การตั้งข้อกล่าวหาต่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยองค์กรอิสระต่างๆ เป็นที่ทราบกันดีว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดได้เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหาร และถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. แม้มีสถานะเป็นองค์กรอิสระ แต่เป็นองค์อิสระที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร ซึ่งประกอบไปด้วยบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับ ดร.ทักษิณ ทั้งสิ้น ขัดกับหลักนิติธรรมในระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก จนเกิดการตั้งคำถามอย่างกว้างขวางต่อกระบวนการยุติธรรมไทย ดังนั้น นายเสรีและองคาพยพของพลเอกประยุทธ์ ควรยุติการนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่เพื่อสร้างวาทกรรมโจมตีที่ไม่มีข้อเท็จจริงและไม่สร้างสรรค์อีก

ทั้งนี้หากถามว่าทำไมประชาชนคนไทยยังคงคิดถึงอดีตนายกฯ ดร.ทักษิณ ชินวัตร คำตอบคือ การบริหารประเทศกว่า 8 ปีภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ที่ล้มเหลวทุกด้าน ไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ ไร้ภาวะผู้นำ จนนำพาประเทศเข้าสู่วิกฤตรอบด้าน ภาพลักษณ์ด้านการทุจริตของประเทศไทยภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งอยู่ยิ่งตกต่ำลง ทั้งที่เคยใช้เป็นหนึ่งในข้ออ้างในการเข้าสู่อำนาจว่ามาปราบโกงแต่กลับทำล้มเหลวเสียเอง จึงอยากทราบว่างานปราบโกงของพลเอกประยุทธ์อยู่ในขั้นตอนใดแล้ว เพราะหากไปดูรายละเอียดของคะแนนดัชนีการรับรู้ทุจริต ประจำปี 2564 ที่ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 5 ในอาเซียนจาก 9 ประเทศนั้น พบว่า ไส้ในของรายละเอียดการทุจริตที่สำรวจในกลุ่มนักธุรกิจทั่วโลกพบว่า คะแนนลดลง นั่นหมายความว่าในการทำธุรกิจค้าขายกับต่างประเทศ ประเทศไทยยังมีการรับ/จ่ายสินบนอยู่จนนักธุรกิจรับรู้ได้ ซึ่งเกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่พลเอกประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจบอกจะปราบโกง แต่การโกงไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย

“ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลที่คนไทยต้องเรียกหาอดีตนายกฯ ทักษิณ เพราะประชาชนยังเชื่อมั่นกับผลงานและนโยบายดีๆที่เคยทำสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ จนทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ดังนั้น จึงไม่ควรเอารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่ไม่เคยมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันมาเปรียบเทียบ คงมีแต่คนอย่างนายเสรีที่อยู่บนโลกคู่ขนานเท่านั้น ที่ยังเชื่อมั่นอยากเชียร์ให้ลุงตู่อยู่ต่อ แต่ถ้าถามประชาชนคนไทยทุกวันนี้คงไม่มีใครเอาด้วย เพราะ 8 ปีก็เกินพอ” นางสาวชญาภา กล่าว