นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติวงเงิน 27,426 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 วงเงิน 2.12 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนประชาชนคนละ 800 บาท เป็นเวลา 2 เดือนนั้น มองว่า การช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาล โดยที่ต้องช่วยเหลืออย่างตรงจุด ซึ่งโครงการคนละครึ่งเฟส 5 คล้ายการทุบหัวแจก เพราะครั้งนี้เป็นการแจกเงินหลักร้อย แจกคนละ 800 บาท ตกเดือนละ 400 บาท แต่ประชาชนสามารถใช้ได้สูงสุดวันละ 150 บาท นั่นหมายความว่าประชาชนต้องหาเงินมาเติมในบัตรล้นเกินกว่าจำนวนเงินที่รัฐบาลจ่ายให้ จึงจะมีสิทธิ์ใช้เงินในบัตร เท่ากับเป็นการเอาเงินจากประชาชนมาเพื่อหมุนเวียนในระบบไม่ใช่การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ‘ช่วยประชาชนแบบขอไปที’ ทั้งที่สถานการณ์ปากท้องในวันนี้ พี่น้องประชาชนรายได้ลดลงจนแทบไม่พอกิน ต่อให้ได้สิทธิ์ก็ไม่มีปัญญาหาเงินมาเติมเพิ่มเพื่อใช้จ่ายได้

ทั้งนี้ แม้รัฐบาลให้เหตุผลในการทำโครงการคนละครึ่งคือการช่วยเหลือประชาชน และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ แต่ดูเหมือนเป็นการแจกไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย หวังหาเหตุกู้เงินเพิ่มและแจกเพื่อหวังหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ เพราะหากพิจารณาจากโครงการคนละครึ่ง 4 เฟส ที่ผ่านมาจากเฟสแรกแจกคนละ 3,000 บาท สูงสุดแจกคนละ 4,500 บาทในเฟส 3 จนมาเฟส 4 ลดเหลือ 1,200 บาท พบว่า ประชาชนใช้จ่ายเงินของตนเองมากกว่าที่รัฐจ่ายให้ โดยจำนวนเงินที่ประชาชนจ่ายอยู่ที่ 30,863.4 ล้านบาท แต่รัฐร่วมจ่าย 29,754.4 ล้านบาท กลายเป็นประชาชนช่วยเหลือรัฐ จึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 นี้ ที่รัฐจ่ายเพียงหลักร้อย ประชาชนเสมือนโดนสูบเลือดจนหมดหรือไม่ ทั้งหมดสามารถยืนยันได้ว่ารัฐบาลสิ้นสภาพคล่องทางการเงินแล้ว สิ่งที่ทำก็เพื่อปิดปากประชาชนที่หมดความเชื่อมั่นรัฐบาลหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ และอีกไม่นานการออกกฎหมายกู้เงินใหม่ๆ จะทยอยปรากฎขึ้นในเร็ววันนี้ก่อนที่จะมีเลือกตั้งแน่นอน

“รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่พอ มีรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจอีกมากมาย และยังมีเลขาฯ สมช. มาช่วยดูแลแก้ราคาอาหาร-พลังงานมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน แต่ราคาข้าวของยังแพงอยู่ คนละครึ่งก็ทำมา 4-5 เฟสแล้ว แก้ปัญหาที่ต้นทางไม่ได้ เอาแต่แก้ปลายทาง ความจริงพลเอกประยุทธ์ คงไม่ต่างจากขนมจีนไร้น้ำยาในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รอวันพังเท่านั้น” นางสาวตรีชฎากล่าว